เที่ยวเกียวโต แบบร้างนักท่องเที่ยวกับ Empty Tourism แคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจจากโควิด-19
- เมืองอาราชิยามะ ทางตะวันตกของ เกียวโต โปรโมตการท่องเที่ยวแบบ Empty Tourism โดยชวนนักท่องเที่ยวมาเยือนสถานที่ยอดฮิตในบรรยากาศที่มีนักท่องเที่ยวบางตาเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19
- จุดขายของแคมเปญนี้คือเป็นโอกาสดีที่ไม่ต้องต่อคิว และถ่ายรูปได้สวยๆ โดยไม่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากติดอยู่ในเฟรม และย้อนบรรยากาศดั้งเดิมก่อนการท่องเที่ยวจะบูม
- จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 31.8 ล้านคนโดยอันดับหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากจีน และประเทศไทยรั้งอันดับ 6 แต่โรคโควิด-19 ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวซบเซาจากที่คาดหมายว่าจะแตะ 40 ล้านคนในปีนี้
เที่ยวเกียวโต มุมใหม่ในวันที่นักท่องเที่ยวเป็นศูนย์กันไหม?
ในขณะที่ 2 ปีที่ผ่านมา กระแส overtourism หรือนักท่องเที่ยวล้นทะลักในเมืองยอดฮิตอย่างเวนิส อัมสเตอร์ดัม และ เกียวโต ส่งผลกระทบกับความเป็นอยู่ของชาวเมืองจนเกิดการเรียกร้องให้ตระหนักถึงการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ในปีนี้กลับพ่นพิษต่อธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วโลกจนยอดนักท่องเที่ยวลดฮวบ
ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศยอดฮิตของนักท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส 159 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563) ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากยกเลิกการเดินทางอย่างไม่มีกำหนดทั้งๆ ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของเทศกาลชมดอกซากุระ
เมืองอาราชิยามะ (Arashiyama) ทางตะวันตกของเกียวโต (Kyoto) เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวที่ปกติจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่าง ป่าไผ่ที่วัดเท็นริวจิ (Tenruji Temple) หรือล่องเรือในแม่น้ำโฮซูกาวะ (Hozugawa) เพื่อชมซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวหดหายอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในรอบ 30 ปี
กลุ่มผู้ประกอบการค้าในเขตอาราชิยามะจึงรวมตัวกันโปรโมตชวน เที่ยวเกียวโต โดยใช้ชื่อว่า Suitemasu Arashiyama (Empty Arashiyama) หรือ “อาราชิยามะ ในวันที่โล่ง” เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนอีกครั้งในบรรยากาศที่มีนักท่องเที่ยวบางตา
ภาพโปสเตอร์ เที่ยวเกียวโต ในแคมเปญ Empty Tourism นี้เป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม 4 แห่งของอาราชิยามะ ภาพแรกเป็นภาพป่าไผ่ที่ปราศจากผู้คน พร้อมแฮชแท็กว่า #NoPeople #NowIsTheTime และ #Emotional ต่อมาเป็นภาพลิง ใน Arashiyama Money Park Iwatayama พร้อมข้อความภาษาญี่ปุ่นแปลได้ว่า “ไม่เคยมีจำนวนลิงมากกว่ามนุษย์อย่างนี้มาเป็นเวลานานแล้ว”
อีก 2 ภาพเป็นภาพสะพานไม้โบราณโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo) ที่ข้ามแม่น้ำโออิ (Oi River) ในสภาพร้างผู้คน พร้อมกับข้อความแปลได้ว่า “ข้ามได้อย่างสบายๆ เลย” และภาพสุดท้ายเป็นภาพเรือล่องในแม่น้ำโฮซูกาวะ (Hozugawa River Cruise) ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือชมทัศนียภาพสองข้างแม่น้ำจากเมืองคาเมะโอกะ (Kameoka) จนถึงเมืองอาราชิยามะพร้อมกับข้อความว่า “ถ้าคุณมาเที่ยวช่วงนี้ คุณจะได้ล่องเรือชมแม่น้ำกี่เที่ยวก็ได้โดยไม่ต้องรอคิว”
โปสเตอร์ในแคมเปญ เที่ยวเกียวโต ฉบับนักท่องเที่ยวเป็นศูนย์นี้ผลิตออกมา 300 ชุด และนำไปติดในย่านช้อปปิ้งในเขตเกียวโตและศูนย์กลางการเดินรถอย่าง Hankyu Osaka Umeda Station ในโอซาก้า โดยเชื้อเชิญว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้มาเห็นอาราชิยามะในบรรยากาศแบบดั้งเดิมก่อนที่การท่องเที่ยวจะบูม
จากรายงานล่าสุด แคมแปญดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเนื่องจากชาวญี่ปุ่นเองกลับไปเที่ยวแถบ เกียวโต มากขึ้นหลังจากหลีกเลี่ยงไปเยือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะไม่ต้องการไปแออัดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้สถิติขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 31.8 ล้านคนซึ่งเป็นสถิติที่สูงต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยอันดับหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นจำนวนเกือบ 10 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยรั้งอันดับ 6 ที่ตัวเลขประมาณ 1 ล้านคน ก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ประเทศญี่ปุ่นคาดหมายว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงถึง 40 ล้านคนเพราะส่วนหนึ่งมาจากการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ที่กรุงโตเกียว
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น แถลงเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 (เดือน ต.ค.-ธ.ค.) ของปีที่แล้ว หดตัว 1.6% จากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งนับว่าเป็นการหดตัวแรงสุดในรอบกว่า 5 ปี โดยมีปัจจัยสำคัญจากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่นฮากิบิส และนโยบายการปรับขึ้นภาษีการขายจากอัตรา 8% เป็น 10% และในปีนี้คาดว่าจีดีพีของญี่ปุ่นลดลงอย่างรวดเร็วที่ 0.25% ในไตรมาสแรกของปีนี้เนื่องจากโรคโควิค-19
ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายอันดับที่ 14 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 เพื่อให้สามารถใช้ข้อกำหนดตาม พ.ร.บ. ในการป้องกันการแพร่เชื้อและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งขอให้ประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดอย่างต่อเนื่องได้แก่ จีน (รวม ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ เกาหลีใต้ ให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองอย่างน้อย 14 วัน งดไปที่ชุมชน งดใช้ขนส่งสาธารณะ งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่นหากมีไข้ ไอ จาม ให้พบแพทย์ทันทีหรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
อ้างอิง