Into the magic shop ร้านเวทมนตร์ที่ช่วยกำหนดอนาคตคุณได้

Into the magic shop หนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้วง BTS นำไปแต่งเพลง Magic Shop ในอัลบั้ม Love Yourself: Tear เพลงที่เป็นดั่งร้านเวทมนตร์คอยช่วยเยียวยาจิตใจผู้ที่รู้สึกอ่อนล้าหรืออ่อนแอหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวจิตวิทยา เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวก ที่จะพาเราเปิดประตู ก้าวเข้าไปค้นหาความสัมพันธ์ของหัวใจและสมองผ่านเรื่องราวการเดินทางของประสาทศัลยแพทย์ ดร.เจมส์ อาร์. โดตี (James R. Doty, M.D.) ผู้เขียน ที่มีจุดเริ่มต้นจากร้านเวทมนตร์แห่งหนึ่ง

Into the magic shop เล่าถึงความทรงจำของผู้เขียนผ่านตัวละคร จิม โดตี เด็กชายวัย 12 ขวบ ที่มีพ่อเป็นผู้ติดสุราเรื้อรัง แม่ที่พยายามฆ่าตัวตายทุกครั้งที่มีโอกาส และพี่ชายที่มักหนีออกจากบ้านอยู่บ่อยครั้ง บันทึกความทรงจำของเด็กชายเริ่มขึ้นในวันที่เขาออกเดินทางไปซื้อปลอกนิ้วมายากลและบังเอิญพบกับ รูธ หญิงชราร้านขายของมายากลที่เสนอสอนกลบางอย่างซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของมายากลทั่วไป และเป็นกลที่สามารถเสกสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นจริงได้ โดยใช้เพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือ “จิต” แต่มีข้อแม้ว่าจิมจะต้องฝึกฝนกลต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ และมาหารูธทุกวันตลอด 6 สัปดาห์ที่เธออยู่ที่เมืองแห่งนี้

จิมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลที่รูธจะสอนคือกลอะไร ไม่รู้ว่าจะเรียนได้สำเร็จหรือไม่ แต่สิ่งเดียวที่จิมรู้นั่นก็คือ ณ ตอนนั้นเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ทั้งครอบครัว การเรียน เงินทอง หรือแม้แต่อนาคต กลของหญิงชราผู้นี้จึงเปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังที่ส่องเข้ามาในชีวิตที่มืดมิดของเด็กชายตัวเล็ก จิมตอบตกลงโดยที่เขาไม่อาจรู้เลยว่าคำตอบนั้นจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง

เวทมนตร์ที่เริ่มจากหัวใจ

หากจะพูดถึงมายากล หลายคนอาจจะนึกไปถึงการเสกนกออกมาจากผ้าคลุม การหั่นคนออกเป็นสองท่อน หรือการใช้พลังจิตงอช้อน แต่กลของรูธ หรือที่จิมเรียกมันว่าเวทมนตร์ใน Into the magic shop เรียบง่ายกว่านั้น เพราะไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เล่นกลใด ๆ หรืออาศัยเทคนิคอะไรมากมาย เพียงแต่ต้องอาศัยการฝึกฝน และสมาธิ กลของรูธจึงจะประสบความสำเร็จ

รูธกล่าวกับจิมว่า ในชีวิตเรามีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ควบคุมไม่ได้ แต่สองสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้คือร่างกายและจิตใจของเราเอง มันอาจจะฟังดูไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่ากับตัวร้ายในภาพยนตร์ไซไฟที่ควบคุมสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ แต่มันก็มีพลังมากพอที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตามที่ใจเราต้องการรวมถึงอนาคตของเรา

เวทมนตร์ของรูธไม่ได้มีอะไรซับซ้อนและสามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเองโดยเริ่มจาก ขั้นตอนแรก คือการผ่อนคลายร่างกายทุกส่วนของร่างกาย ให้สมมติว่าตัวเองเป็นใบไม้ที่ปลิวอยู่ในอากาศ แล้วลองสังเกตความรู้สึกของตัวเองผ่านสัญญาณต่าง ๆ ในตัว เช่นถ้าเราโกรธ คิ้วจะขมวด กล้ามเนื้อจะเริ่มเกร็ง เพราะถ้าเราถามตัวเอง เราอาจจะไม่ได้คำตอบ แต่ร่างกายมีจิตเป็นของตัวเอง มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสถานการณ์ ดังนั้นหากสังเกตการตอบสนองของร่างกายจะทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วเรากำลังคิดอะไรอยู่ รวมถึงจะเป็นกลที่ช่วยให้เข้าใจความรู้สึกของคนรอบข้างได้อีกด้วยหลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน หายใจเข้าและผ่อนออกช้า ๆ และพยายามอยู่นิ่ง ๆ

วิธีการของรูธเป็นเรื่องการควบคุมการตอบสนองของสมองและร่างกายต่อความเครียด โดยร่างกายเรามีเส้นประสาทที่เชื่อมโยงก้านสมองกับหัวใจ เรียกว่าเส้น ประสาทเวกัส หากส่งสัญญาณจากสมองไปให้เพิ่มการทำงานของเส้นประสาทด้วยการผ่อนคลายและหายใจช้าลงจะไปกระตุ้นเส้น ประสาทพาราซิมพาเทติก ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง และความดันโลหิตลดลง ช่วยให้จิตใจสงบ 

ขั้นตอนที่สอง คือกล่อมจิตให้ว่างเพื่อลบเสียงในหัวออกไป หยุดคิดถึงความคิดโดยไม่ใช้ความคิด เพราะในหัวของเรามักจะมีเสียงที่ตัดสินชีวิตเราเองว่าดีหรือไม่ดี เราจะไว้ใจเสียงในหัวของเราไม่ได้ ให้พยายามนึกถึงลมหายใจ เลิกตอบสนองความคิดเหล่านี้ด้วยอารมณ์ เพื่อให้เข้าใจว่าการขอให้อดีตเปลี่ยนแปลงและการกังวลถึงอนาคตที่ไม่เคยควบคุมได้นั้นเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ หลังจากนั้นก็ให้ท่องมนตร์ โดยกำหนดเป็นคำหรือประโยคอะไรก็ได้แล้วท่องซ้ำ ๆ พร้อมกับการผ่อนคลายร่างกาย

“ฉันมีค่า ฉันเป็นที่รัก ฉันมีคนที่ห่วงใย ฉันห่วงใยคนอื่น ฉันเลือกสิ่งที่ดีเท่านั้นสำหรับฉัน ฉันเลือกสิ่งที่ดีเท่านั้นสำหรับคนอื่น ฉันรักตัวเอง ฉันรักคนอื่น ฉันเปิดหัวใจของฉัน หัวใจของฉันเปิดแล้ว” (ประโยคที่จิมสร้างขึ้นมาเพื่อท่องซ้ำๆ)

ขั้นตอนที่สาม คือการเปิดหัวใจ โดยปกติความคิดที่อยู่ในหัวของมนุษย์มักเป็นไปในเชิงวิพากษ์วิจารณ์เสียส่วนใหญ่จนทำให้เรามีแต่ความคาดหวังเพื่ออนาคตหรือการแก้ไขอดีต รูธจึงบอกให้จิมสร้างมนตร์สิบประโยคที่ดีแล้วท่องซ้ำ ๆ เพื่อเป็นการบอกตัวเองว่าให้อยู่กับปัจจุบัน และกล่อมเกลาความคิดให้เป็นไปในทางที่ดี

การท่องมนตร์หรือประโยคเหล่านี้ซ้ำไปเรื่อย ๆ ทำให้จิมฉุกคิดได้ว่าเมื่อเรารู้สึกเกลียด หรือโกรธใครบางคน นั่นเป็นเพราะว่าเรากำลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายใน ซึ่งมนุษย์มีเหตุผลที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้นเสมอ เพียงแต่เราไม่อาจจะนึกถึงเหตุผลเหล่านั้นได้ในยามที่ความรู้สึกด้านลบก่อตัวขึ้นในจิตใจ แต่เมื่อเราเข้าใจความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ก็จะทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป

ขั้นตอนสุดท้าย คือการกำหนดจุดหมายให้ชัดเจน เปิดใจและวาดภาพอนาคตของตัวเองให้ชัดเจนที่สุด ตั้งเป้าหมายในหัวไปเรื่อย ๆ จนกว่าภาพเหล่านั้นจะเป็นจริง ทุกอย่างที่รู้สึกและคิดจินตนาการด้วยจิต ขอเพียงแค่มีความเชื่อมั่น ภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงโดยต้องอาศัยความพยายาม

เวทมนตร์กับอนาคตที่กำหนดได้เอง

เวทมนตร์ของรูธคือการสอนให้จิมผ่อนคลายร่างกายและควบคุมจิตใจของตนเอง เพียงแค่ฝึกฝนสี่ขั้นตอนนี้ก็สามารถทำให้จิมสามารถวาดภาพอนาคตที่สดใสออกมาซึ่ง ณ ตอนนั้น จิมออกแบบอนาคตของตัวเองเอาไว้ว่า “จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เป็นแพทย์ที่ประสบความสำเร็จ มีนาฬิกาโรเล็กซ์ มีรถปอร์เช มีคฤหาสน์ มีเกาะเป็นของตัวเอง มีเงิน 1 ล้านดอลลาร์…” ซึ่งท้ายที่สุดจิมก็ไขว่คว้ามันได้สำเร็จ 

แต่ในระหว่างที่จิมออกแบบอนาคตของตัวเอง มีหนึ่งอย่างที่จิมหลงลืม และเลือกมองข้ามมันมาเสมอ นั่นก็คือขั้นตอน “การเปิดใจ”

เด็กชายวัย 12 ขวบ ในตอนนั้นวาดภาพอนาคตของเขาโดยที่ไม่ได้เปิดใจอย่างที่รูธสอน รวมทั้งยังละเลยการฝึกฝนกลเหล่านี้ทุกวันอย่างที่เคยสัญญากับรูธเอาไว้ ซึ่งผู้เขียนก็ได้บรรยายเอาไว้ในเรื่องด้วยเช่นกันว่า ถ้าเขาเรียนรู้ที่จะเปิดหัวใจให้กว้างต่อคนอื่นและโลกใบนี้ ชีวิตเขาคงไม่ต้องพบเจอกับความเจ็บปวด เขาจะไม่ใช้ชีวิตไปกับการไขว่คว้าสิ่งต่าง ๆ ที่เขาขาดหาย จะไม่ยอมให้ผู้อื่นมากำหนดความดี คุณค่า หรือความสามารถของเขา ทำให้เขาต้องพบกับความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต แต่ก็ยังสามารถกลับมายืนขึ้นใหม่ได้อีกครั้งในฐานะประสาทศัลยแพทย์ผู้ประสบความสำเร็จเพราะในตอนนี้เขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในกลของรูธอย่างถ่องแท้แล้ว

เมื่อกลของรูธเปลี่ยนชีวิตของ จิม โดตี ในวัย 12 ขวบ เมื่อเวทมนตร์สามารถเปลี่ยนอนาคตของเขาได้ หนังสือเล่มนี้ก็อาจจะเปลี่ยนชีวิตของใครอีกหลาย ๆ คนได้เช่นเดียวกัน มาร่วมไขปริศนาเวทมนตร์ที่ซ่อนอยู่ในกลของรูธ ซึ่งพลิกชีวิตของจิมโดตีไปพร้อม ๆ กับหาคำตอบความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับหัวใจ ได้ในหนังสือ “Into the magic shop เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ”

Fact File

• Into the magic shop เขียนโดย ดร.เจมส์ อาร์. โดตี แปลไทยโดยนายแพทย์นที สาครยุทธเดช
• สำนักพิมพ์ อมรินทร์ How to ราคาปกอ่อน 220 บาท ปกแข็ง พร้อม Audio Gift Card ราคา 495 บาท