Lite

Digital Delicious เปิดประตูมิติสู่มื้ออาหารในโลกดิจิทัล

Focus

โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท จับมือ ดูซี่ ดิจิแล็บ นำเสนอประสบการณ์กินอาหารรูปแบบใหม่ Digital Delicious เสิร์ฟอาหารทั้งมื้อกลางวัน ดินเนอร์ และ Afternoon Tea พร้อมงานศิลปะ ณ ห้องอาหารเบซิล
นอกจากความอร่อย Digital Delicious ได้สร้างบรรยากาศและมิติใหม่ให้กับมื้ออาหารด้วยศิลปะ ที่เราสามารถเล่นกับดิจิทัลอาร์ตได้ทุกชิ้นงาน

วลีที่ว่า “เวลากินอาหาร ห้ามเล่น” อาจจะไม่เป็นจริงเสมอไป เพราะตอนนี้ห้องอาหารไทยร่วมสมัย เบซิล (Basil) ของ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ได้นำเสนอประสบการณ์กินอาหารรูปแบบใหม่ Digital Delicious เสิร์ฟอาหารทั้งมื้อกลางวัน ดินเนอร์ และ Afternoon Tea พร้อมงานศิลปะ โดยเนรมิตให้ เบซิล เป็นห้องอาหารในโลกดิจิทัลนำอาหารไฟน์ไดนิงมาผสานกับประสบการณ์แสง สี เสียงจากดิจิทัลอาร์ต จับมือกับ ดูซี่ ดิจิแล็บ (Doozy Digilab) บริษัทดิจิทัลที่ได้เริ่มเปิดทางโปรเจ็กต์ Interactive Dining Experience มาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งแง่หนึ่งก็ทำให้เห็นว่าโลกดิจิทัลอาร์ตสามารถนำไปผสมผสานกับศาสตร์อื่น ๆ ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด

ทันทีที่เปิดม่านเข้าไปสู่ห้องอาหารซึ่งรองรับได้ราวรอบละ 20 คน เราก็ถูกรายล้อมไปด้วยจอ Projection Mapping แบบรอบด้าน รวมถึงการฉาย 4D Mapping ลงบนโต๊ะอาหารและจานอาหาร เพื่อสร้างบรรยากาศและมิติใหม่ เป็นการอัพเลเวลให้มื้ออาหารของเรามีสีสันสนุก ๆ ดูหวือหวา ตื่นเต้นตลอดเวลามื้ออาหาร ที่สำคัญเราสามารถเล่นกับดิจิทัลอาร์ตได้เกือบทุกชิ้นงาน

อย่างที่บอกว่า Digital Delicious มีให้เลือก 3 มื้อคือมื้อกลางวัน ชุดน้ำชายามบ่าย และมื้ออาหารค่ำ สำหรับตัวผู้เขียนได้ไปลิ้มลอง Afternoon Tea ซึ่ง เชฟเกตาโน่ พาลุมโบ้ เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟของ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท จัดเสิร์ฟอาหารทั้งหมด 4 คอร์ส คู่กับชาจาก 1837 TWG Tea ที่มีให้เลือกทั้งหมด 4 กลิ่น 4 รสชาติคือ Jasmine Queen Tea, Eternal Summer Tea, Moroccan Mint Tea และ French Earl Grey ด้านอาหารเริ่มต้นด้วยเมนูแรก Flower Of Life ที่เชฟจัดเสิร์ฟมาแบบคานาเป้ 3 คำ ประกอบไปด้วย ขนมปังฟอคคาเซียกับพาร์ม่าแฮมและมอสซาเรลล่าชีส ช็อกโกแลตเฮเซลนัทฟัวกราส์ ตามด้วย เมี่ยงคำหอยเชลล์ฮอกไกโด ที่ออกมาเรียกน้ำย่อยพร้อมกับธีม Castle In The Sky ซึ่งเราสามารถเล่นสนุกกับ Multitouch Table ตรงหน้าได้โดยการใช้มือขีดเขียนอะไรลงไปได้ตามจินตนาการ

ตามมาติด ๆ ด้วยธีม The Garden of Dreams ที่จะพาเราท่องอาณาจักรของพืชพรรณดอกไม้หลากสีและสิงสาราสัตว์ พร้อมกับเมนู Hidden Treasure ซึ่งเป็น Ginger Cream Brulee เนื้อนวลเนียนที่เข้ากันดีกับความเปรี้ยวและสดชื่นของซอสเสาวรสเจลลี่ และผลไม้ตระกูลเบอรี่ที่เสิร์ฟมาด้วยกัน ที่พิเศษสำหรับเมนูนี้คือความเพลิดเพลินในการดูการเบ่งบานของดอกไม้และน้องผีเสื้อตัวจิ๋วที่บินวนอยู่รอบ ๆ จานอาหารของเรา เรียกได้ว่าหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพจนเผลอลืมจิบชาทานขนมไปชั่วขณะเลย

มาต่อกันที่คอร์สที่สามกับคอนเซปต์ Deep Blue Sea ซึ่งขอพาทุกคนด่ำดิ่งลงสู่ความมหัศจรรย์ของใต้ท้องทะเลลึกกับเมนูที่มีชื่อว่า The Earth Sharker สโมคแซลมอนกับซาวร์ครีมที่มาพร้อมกับความกรุบกรอบของขนมปังมัลติเกรน เมนูนี้เสิร์ฟมาท่ามกลางวงล้อมของสัตว์ทะเลที่พากันแหวกว่ายอยู่บนโต๊ะอาหาร ต่อเมื่อเราสัมผัสที่ตัวของแมงกระพรุนตัวใดตัวหนึ่งในฝูง ตัวนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นอีกสีหนึ่งได้ เป็นอีกกิมมิคเล็ก ๆ ที่ทำให้การกินในบ่ายวันนี้ของเราดูไม่น่าเบื่อ

ส่งท้ายกับ A Space Odyssey ธีมที่จะพาเราล่องลอยขึ้นไปสู่ห้วงอวกาศ พร้อมความระยิบระยับของหมู่ดาว ซึ่งนอกจากเราจะได้เล่นสนุกกับวิชวลบนโต๊ะอาหารที่เป็นเหมือนกระดานดิจิทัลเช่นธีมอื่น ๆ ที่ผ่านมาแล้ว ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นของธีมนี้คือเราสามารถอินเตอร์แอคกับเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารของเราได้ เพียงแค่วางมือของเราค้างไว้บนโต๊ะอาหารก็จะเกิดเส้นแสงวิ่งเชื่อมโยงระหว่างมือเรากับมือของเพื่อนร่วมโต๊ะที่วางอยู่ใกล้กัน เป็นกิจกรรมที่ช่วยเปิดบทสนทนาระหว่างมื้ออาหารที่ดีได้อีกแบบ สำหรับเมนูสุดท้ายของชุดน้ำชายามบ่ายเชฟเกตาโน่จัดเสิร์ฟของหวานอย่าง มูสดาร์กช็อกโกแลตแอปริคอทและซอสคาราเมล ที่ดีไซน์หน้าตามาเข้ากับภาพกาแลกซีที่อยู่รอบ ๆ เป็นการปิดคอร์สยามบ่ายนี้ไปได้อย่างสวยงาม

ใครที่กำลังเบื่อมื้ออาหารแบบเดิม ๆ ไปลองประสบการณ์แบบอินเตอร์แอคทีฟกับโลกดิจิทัลที่ Digital Delicious กันดูได้ รีบจองไปก่อนเลยจะดีมากเพราะเขาจำกัดแค่รอบละ 20 คนเท่านั้น และด้วยสถานการณ์ตอนนี้ Digital Delicious ก็ได้เพิ่มความปลอดภัยด้วยการใช้เครื่องฟอกและบำบัดอากาศด้วยระบบ RCI ขึ้นอีกขั้นแล้ว ไม่ต้องกังวลการสัมผัสกับโต๊ะซึ่งเป็นอินเตอร์แอคทีฟที่เราสามารถเล่นได้ สัมผัสได้

Fact File