จากขนมหวานยามยากของเกาหลีสู่ กาแฟทัลโกนา เครื่องดื่มสุดฮิตช่วงเก็บตัว
- แม้จะมีจุดกำเนิดที่เกาหลี แต่กาแฟทัลโกนาได้กลายเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตที่คนทั่วโลกให้ความสนใจตีคู่ไปกับ social distancing เลยทีเดียว ดูได้จากยอดค้นหาในกูเกิล เมื่อกาแฟทัลโกนาได้กลายเป็นกาแฟที่คนทั่วโลกค้นหากันมากที่สุด โดยในช่วงกลางเดือนมีนาคมมีการค้นหาที่เพิ่มขึ้น 1,800 เปอร์เซนต์จากปกติ และ 1,700 เปอร์เซนต์ ในกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
- ความจริงแล้ว ทัลโกนาเป็นชื่อของขนมข้างทางโบราณของเกาหลีที่มีส่วนประกอบน้ำตาลและเบกกิ้งโซดาเคี่ยวด้วยกัน ก่อนจะนำมาอัดเป็นแผ่น โดดเด่นด้วยรสชาติที่ผสมความหวานปนขมเล็กๆ ร่วมกับเนื้อที่กรอบหนึบ
- สำหรับคนที่เคยลองทำกาแฟทัลโกนาคงต้องบอกว่าปัจจัยความสำเร็จในการทำให้กาแฟเป็นฟองโฟมไม่ได้อยู่ที่แรงในการตีกาแฟเท่านั้น หากยังอยู่ที่การเลือกยี่ห้อกาแฟสำเร็จรูปที่นำมาใช้อีกด้วย เพราะปริมาณโปรตีนและไขมันในกาแฟ คือ หัวใจหลักในการดึงอากาศจนกลายเป็นฟองเนียนนุ่ม
กลายเป็นกระแสที่เรียกว่าดังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่แค่ในเกาหลีกันแล้ว สำหรับ กาแฟทัลโกนา (Dalgona Coffee) เพราะตลอดช่วงที่ต้องห่างกันบ้านใครบ้านมัน เชื่อว่าหลายคนคงต้องเจอภาพแก้วกาแฟสีใสที่ข้างในมีนมสดสีขาวนวล ก่อนจะถูกเทด้วยฟองครีมสีน้ำตาลในสื่อโซเชียลมีเดียอย่างถี่ๆ แน่นอน และอาจจะเคยนึกสงสัยว่า เครื่องดื่มนี้คืออะไรกันแน่…เราขอบอกว่านั่นคือ กาแฟทัลโกนา
คำกล่าวข้างต้นไม่ใช่เรื่องราวที่พูดเกินจริงแต่อย่างใด แต่สามารถยืนยันได้ด้วยยอดการค้นหาในกูเกิลที่ไม่ได้มีแค่กรุงโซล แต่ กาแฟทัลโกนา ได้กลายเป็นกาแฟที่คนทั่วโลกค้นหากันมากที่สุด โดยในช่วงกลางเดือนมีนาคมมีอัตราการเสิร์ชเพิ่มขึ้น 1,800 เปอร์เซนต์ และ 1,700 เปอร์เซนต์ ในกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แถมล่าสุด โซลมิลค์ (Seoul Milk) แบรนด์นมชื่อดังสัญชาติเกาหลี ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น นมทัลโกนา แบบกล่องมาตอบรับกระแสนี้ ว่าแต่ว่ากาแฟทัลโกนา คืออะไร และทำไมถึงโด่งดังขึ้นมาได้ในช่วงเก็บตัวหยุดเชื้อ COVID-19 เช่นนี้
จากขนมหวานหลังสงครามสู่ กาแฟ
จากกระแสที่เกิดขึ้น เชื่อว่าหลายคนคงมองว่ากาแฟทัลโกนาต้องเป็นอะไรที่ใหม่ แต่ถ้าถามชาวเกาหลีใต้แล้ว ทัลโกนา ก็คือขนมโบราณที่ชาวเกาหลีในวัยเด็กส่วนใหญ่ต้องเคยกิน
ชื่อของ ทัลโกนา แปลได้ว่า ขนมรังผึ้ง (Honeycomb Snacks) กล่าวกันว่าขนมชนิดนี้เกิดขึ้นภายหลังสงครามเกาหลี (ค.ศ. 1950 -1953) ซึ่งระหว่างสงครามทหารอเมริกันได้นำขนมหน้าตาแปลกใหม่มาเผยแพร่ให้ลูกเด็กเล็กแดงชาวเกาหลีใต้ติดอกติดใจในความหอมหวาน แต่ทว่าเมื่อสงครามสงบการซื้อขนมกลับกลายเป็นเรื่องยาก เนื่องจากผลของพิษเศรษฐกิจที่ติดต่อมาจากช่วงสงคราม เหล่าบรรดาพ่อแม่เลยพยายามคิดค้นขนมที่ทั้งอร่อยและราคาถูก
วิธีทำก็ไม่ได้ยุ่งยากเพียงแค่นำน้ำตาลผสมกับน้ำและต้มบนกระบวยเล็กๆ จนกลายเป็นน้ำเชื่อมหนืดๆ สีออกน้ำตาลอ่อน ก่อนจะเติมเบกกิ้งโซดาลงไปเล็กน้อย จนส่วนผสมเกิดการระเบิดส่งเสียงเป๊าะเป๊ะ แล้วนำน้ำตาลหนืดๆ เทลงบนถาดเหล็กให้กลายเป็นรูปวงกลมให้เย็นตัว จากนั้นก็ให้ปั๊มตราสัญลักษณ์ลงไปตรงกลาง บ้างเป็นรูปดาว บ้างเป็นหัวใจ จึงค่อยนำไปเสียบไม้ โดยขนมตัวนี้ฮอตฮิตสุดๆ ในช่วงปี ค.ศ. 1970 -1990
หน้าตาของ ทัลโกนา ที่ขายตามร้านรวงนั้น คงไม่ต่างกับกับอมยิ้มขนาดยักษ์ให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินไปกับความกรุบกรอบหอมหวานปนรสชาติขมๆ ที่ปลายลิ้น มีความคล้ายคาราเมลแต่ก็ไม่เหมือน แต่นั่นก็เป็นรสชาติที่ชาวเกาหลีในวัยทำงานขึ้นไปน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เหตุเกิดจากความเหงา (ในช่วงเก็บตัว)
รสชาติที่หอมหวานของ ทัลโกนา ถูกร้านคาเฟ่ในเกาหลีผลิตซ้ำอยู่หลายครั้ง อย่างก่อนช่วงปลายปี 2019 ก็มีร้านกาแฟชื่อ Cafe Cha ออกเครื่องดื่มที่ชื่อว่า Dalgona Assam Milk Tea เป็นชานมอัสสัมที่ทอปปิงด้วยขนมทัลโกนาชิ้นเล็กๆ ให้คนได้เคี้ยว นอกจากนี้ยังมีกาแฟที่ทำในลักษณะเดียวกัน และแน่นอนว่ามีชาวเกาหลีไปรอชิมเมนูเครื่องดื่มนี้อย่างคับคั่ง
ก่อนที่ กาแฟทัลโกนา จะได้รับการยกย่องว่าเป็น กาแฟสำหรับชาวกักตัว (Quarantine Coffee) คงต้องยกความดีให้กับดาราหนุ่มชาวเกาหลี จองอิลอู (Jung Il Woo) ที่สั่งกาแฟในร้านกาแฟเล็กๆ ในมาเก๊าระหว่างปรากฏตัวในรายการ Top Recipe at Fun-Staurant ซึ่งในรายการเราจะเห็นคุณลุงเจ้าของร้านตักกาแฟสำเร็จรูป เติมน้ำตาล และใส่น้ำร้อน ก่อนจะใช้ช้อนคลุกเคล้าส่วนผสมจนเป็นเนื้อครีมสีน้ำตาลอ่อน จนพิธีกรคนอื่นๆ ในรายการต่างพูดว่านี่คือ “ทัลโกนา” เช่นเดียวกับจองอิลอูที่ได้ชิมกาแฟนี้เป็นครั้งแรกก็บอกว่ากาแฟแก้วนี้ทำให้เขาคิดถึงขนมทัลโกนาที่กินเมื่อตอนเด็กจริงๆ
ซึ่งช่วงที่รายการออกอากาศนั้นคาบเกี่ยวกับช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 แบบพอดิบพอดี และอย่างที่เราตามข่าวกัน ประเทศเกาหลีนับเป็นประเทศแรกๆ ในเอเชียที่จัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจังฉับไว ด้วยการขอให้ประชาชนเก็บเนื้อเก็บตัว เมนู กาแฟทัลโกนา แบบ DIY ทำเองที่บ้านจึงเกิดขึ้น พร้อมกับๆ แฮชแท็ก #dalgonacoffeechallenge ที่ท้าประลองให้ทุกคนลองทำเมนูนี้กันดู โดยมีสูตรตั้งต้นสอนทำกันใน Youtube ก่อนจะระบาดไปยัง TikTok ที่ใครๆ ก็ต่างแชร์วีดีโอและผลงานกาแฟทัลโกนาที่ตัวเองทำเพื่ออวดโลก เช่นเดียวกับใน Instragrm และ Facebook ก็มีให้เห็นจนเริ่มคุ้นตา
ไม่ใช่เพราะการชาเลนจ์ เพราะพฤติกรรมโซเชียลที่ทำให้ กาแฟทัลโกนา โด่งดังไปทั่วโลกเท่านั้น หากแต่วัตถุดิบอย่าง กาแฟสำเร็จรูป น้ำตาล น้ำร้อน และนม เป็นอาหารพื้นฐานที่แทบทุกบ้านจะต้องมีไม่เฉพาะในเกาหลี เพราะเราก็ต้องยอมรับแหละว่าแม้เราจะชอบรสชาติกาแฟที่ละเมียดจากคาเฟ่มากเพียงไร แต่สุดท้ายกาแฟสำเร็จรูปก็ยังเป็นเพื่อนแท้ยามยากเมื่อร่างกายขาดคาเฟอีน ทำให้ส่วนผสมทั้งหมดจึงเป็นอะไรที่ง่ายมากที่จะชวนให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำ
อีกทั้งขั้นตอนการทำก็ชวนให้ลุ้นจนเหงื่อตกว่าการที่เราแค่นำผงกาแฟผสมน้ำตาลและน้ำตีไปเรื่อยๆ ประมาณ 400 ครั้ง (หรือใช้เวลาราวๆ 3-20 นาทีแล้วแต่ความโปร) จะกลายเป็นฟองครีมเหนียวมาเทลงบนนมสดที่เตรียมไว้ได้หรือไม่ ซึ่งมีหลายคนที่ทำสำเร็จ หรือบ้างถอดใจไปหาเครื่องมือมาทุ่นแรงก็มี แต่ถ้าจะให้เก๋และแน่จริงต้องตีด้วยมือเท่านั้น
ที่สำคัญหน้าตาของกาแฟทัลโกนายังดีเหมือนกับกาแฟที่เราเคยจิบตามคาเฟ่อีกต่างหาก แบบนี้จะไม่ให้รักและอยากลองทำ กาแฟทัลโกนา ร่วมชาเลนจ์ได้อย่างไร
เคล็ดลับของการสร้างฟองครีมรสกาแฟ
ไม่ว่าใครที่เคยลองและไม่เคยลองก็น่าจะเคยสงสัยบ้างแหละว่าทำไมแค่ของเพียง 3 อย่างถึงสามารถทำให้เกิดฟองนุ่มๆ ได้ ซึ่งคำตอบของเหตุผลที่ว่าเลยต้องยกให้พระเอกอย่าง กาแฟสำเร็จรูป
คุณสมบัติของอาหารที่สามารถทำให้เกิดฟองครีมได้นั้น จะต้องประกอบไปด้วย โปรตีน อย่าง ไข่ขาวที่อยู่ในส่วนผสมของขนมแทบทุกชนิด และ ไขมัน อย่างวิปปิงครีมที่มีปริมาณไขมันมากกว่านมปกติเกือบ 10 เท่า ซึ่งกาแฟสำเร็จรูปก็ดันมีส่วนประกอบของโปรตีนและไขมันอยู่ครบถ้วน
ความจริงแล้วโปรตีนในกาแฟไม่ได้มีมากมายจนถึงว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ แต่ระหว่างการคั่วกาแฟจะมีกรดอะมิโนซึ่งเป็นสารสำคัญในโปรตีน และมีผลต่อสีและรสชาติของกาแฟ เราจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมกาแฟเอสเพรสโซถึงมีพรายฟองสีเหลืองที่เรียกว่า ครีม่า แต่การใช้กาแฟเอสเพรสโซมาตีก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดเป็นฟองครีมได้ เพราะโปรตีนที่สามารถจับอากาศยังน้อยเกินไป แถมยังมีน้ำอยู่มาก ขณะที่เรื่องยี่ห้อกาแฟก็มีส่วนสำคัญ เนื่องจากปริมาณของโปรตีนและไขมันที่แตกต่างกันไปในกระบวนการทำของแต่ละยี่ห้อ ซึ่งดูเหมือนว่า เนสกาแฟ จะชนะขาดตรงนี้ เพราะมีครบทั้งโปรตีนและไขมัน
จริงๆ การตีกาแฟสำเร็จรูปกับน้ำแค่สองอย่างก็สามารถทำให้เกิดฟองครีมได้ แต่ครีมจะอยู่ได้ไม่นาน จึงต้องมีการเติมน้ำตาลลงไป เพื่อให้ฟองครีมสามารถคงตัวได้นานขึ้นและดูหนานุ่มขึ้น ทั้งนี้ เมื่อน้ำตาลรวมกับน้ำจะทำให้เกิดความข้นหนืดเป็นน้ำเชื่อมและช่วยดึงอากาศที่โปรตีนจับไว้ขณะตีนั่นเอง โดยปัจจัยความสำเร็จนั้น ควรจะอยู่ที่อัตราส่วนของกาแฟและน้ำตาลเท่าๆ กัน ส่วนน้ำให้น้อยกว่า เพื่อการตีฟองครีมอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับใครที่ตีฟองครีมทัลโกนาสำเร็จแล้ว และอยากเก็บฟองครีมไว้นานๆ ก็สามารถก็สามารถนำส่วนผสมที่ตีไปแช่ในช่องฟรีซก็จะทำให้ฟองครีมหนืดขึ้นอีกด้วย
Fact File
- สามารถดูคลิปรายการ Top Recipe at Fun-Staurant (신상출시 편스토랑) ที่จองอิลอูสั่งกาแฟทัลโกนาได้ที่ https://youtu.be/YbioO7wX1SA
อ้างอิง
- https://www.bbc.co.uk/food/articles/dalgona_coffee
- https://foodcrumbles.com/why-dalgona-whipped-coffee-is-so-foamy/
- https://www.insider.com/dalgona-beloved-candy-found-in-streets-of-south-korea-2019-6
- https://www.insight.co.kr/news/280589?type=mobile
- https://www.scmp.com/lifestyle/food-drink/article/3078561/story-behind-dalgona-coffee-coronavirus-social-media-craze