Circus of Books สารคดีว่าด้วยร้านหนังสือ เพศ และอาณาจักรสินค้าเกย์
- Circus of Books คือร้านหนังสือที่ไม่ได้จำหน่ายแค่หนังสือ แต่ยังจำหน่ายสินค้าสำหรับชายรักชาย ตั้งอยู่ในย่านที่กำลังมีวัฒนธรรมเกย์เติบโตย่านหนึ่งของลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา
- แม้ว่าร้านนี้จะอยู่ในย่านที่เป็นการรวมกลุ่มของเกย์แต่ในวันที่ร้านนี้เปิดตัว สังคมอเมริกันก็ยังไม่ยอมรับเรื่องความหลากหลายทางเพศมากนัก ยังมีกรณีพ่อแม่ผู้ปกครองไล่ลูกของตนออกจากบ้านเนื่องจากเป็นเกย์
- อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ราเชล เมสัน ลูกสาวของแบร์รีและคาเรน ผู้ก่อตั้งCircus of Books เอง
Circus of Booksภาพยนตร์สารคดีที่ว่าด้วยร้านหนังสือที่มีอยู่จริง เปิดบริการจริงตรงหัวมุมถนนในเมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกาแต่ความพิเศษคือCircus of Books คือร้านหนังสือในตำนานที่ถ้าผลักประตูเข้าไปจะเจอกับอาณาจักรสินค้าของเกย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุค…ยุคที่เรื่องความหลากหลายทางเพศยังถูกปิดบังไว้ในมุมเล็ก ๆ ของเมืองยกเว้นในความคิดของ คาเรน (Karen) และ แบร์รี เมสัน (BarryMason) เจ้าของร้านที่มองเห็นว่าเรื่องเกย์ เรื่องเพศ คือความธรรมดาของชีวิตอย่างมากและอีกความน่าสนใจคือผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น ราเชล (Rachel) ลูกสาวของแบร์รีและคาเรนผู้ก่อตั้งร้านหนังสือCircus of Books
ความปกติที่ไม่ปกติของ Circus of Books
Circus of Booksเริ่มต้นเปิดตำนานเมื่อ ค.ศ.1982 เมื่อสองสามีภรรยาแบร์รีและ คาเรน เมสันเข้ามาเซ้งร้านหนังสือในราคาที่ถูกมากเพื่อเปิดร้านขายของในแบบที่พวกเขาคิดว่าธรรมดา แต่สินค้าที่พวกเขาขายกลับถูกมองว่าไม่ธรรมดาเพราะทั้งคู่เปิดอาณาจักรขายสินค้าเกย์Circus of Books เริ่มต้นด้วยการบอกรับนิตยสารเกย์ Hustler มาวางจำหน่าย ซึ่งในตอนนั้น Hustler เป็นนิตยสารเกย์ที่หาร้านหนังสือวางจำหน่ายแทบไม่ได้ ยกเว้นที่ร้านหนังสือCircus of Books และผลปรากฏว่านิตยสาร Hustler ขายดิบขายดี และจากนั้นทางร้านก็ได้รับ Blueboy นิตยสารเกย์ยอดนิยมมาขายเพิ่ม และยอดขายก็พุ่งทะยานจนทำให้คาเรนและแบร์รีเริ่มมั่นใจในช่องว่างของกิจการอาณาจักรสินค้าเกย์มากขึ้น
Circus of Booksไม่ได้ขายเพียงนิตยสารเกย์เท่านั้น แต่ยังมีหนังโป๊เกย์ที่ภายหลังได้กลายเป็นสินค้าขายดีในภายหลัง และการมาของCircus of Books ก็ทำให้ในย่านนั้นกลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเกย์
แต่ภายใต้กฎหมายของกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่มีบรรดาผู้เคร่งศาสนานั่งอยู่ในคณะทำงานของรัฐบาล โรนัลด์ เรแกน กลุ่มนิยมเกย์และสินค้าเกี่ยวกับเกย์แทบเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมและในที่สุดร้านดังอย่างCircus of Books ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาค้าขายสินค้าอนาจารซึ่งทางคาเรนและแบร์รีก็ได้สู้คดีตามคำแนะนำของทนายความที่แนะนำไม่ให้ยอมปิดร้านเพราะหากยอมปิดก็เท่ากับยอมรับว่าสินค้าเหล่านี้ผิดกฎหมาย
การต่อสู้ทางกฎหมายของCircus of Books ยืดเยื้อมาถึงยุคสมัยของประธานาธิบดี บิล คลินตันสังคมอเมริกาตอนนั้นเริ่มเปิดกว้างด้านเสรีภาพและแนวคิดเกี่ยวกับสื่อเกย์ซึ่งมีผลต่อคดีอย่างมากและเปลี่ยนผลการตัดสินจากเดิมที่คาดการณ์ว่าโทษสูงสุดอาจต้องจำคุกถึง 5 ปีหรือถูกปรับในราคาที่สูงลิบ กลายเป็นว่า คาเรนและแบร์รีเหลือแค่ต้องไปแสดงตนที่อาคารรัฐบาลกลางเดือนละครั้งเท่านั้น
แม้เนื้อหาของเรื่องจะดำเนินไปในทางสู้เพื่อความเสรีในด้านเพศ แต่สารคดีเรื่องนี้กลับไม่ได้เล่าเรื่องของนักสู้ชนิดลุ้นระทึกหวือหวา ตรงกันข้ามสารคดีเรื่องนี้มีน้ำเสียงเรียบนิ่ง แสนธรรมดา ส่วนคาเรนและแบร์รีเองก็ไม่ได้เป็นนักสู้เพื่อเรียกร้อง ทั้งคู่เพียงแค่ต้องการดำเนินกิจการนี้ไปเรื่อย ๆ เป็นชีวิตประจำวันเป็นรายได้เหมือนการขายสินค้าอื่น ๆ อย่างธรรมดาเพื่อให้ครอบครัวพวกเขามีรายได้ ทั้งคู่พยายามบอกว่าการมีอยู่ของร้านไม่ต่างจากร้านขายของธรรมดาร้านหนึ่งที่ขายของให้ลูกค้าทั่ว ๆ ไป
เขาและเธอมองว่าการทำร้านนี้เป็นเรื่องปกติไม่ได้ผิดปกติอนาจารอย่างที่ถูกกล่าวหา ในตอนหนึ่งมีคนเล่าให้แบร์รีฟังว่ามีข่าวลือว่าหลังร้านคุณมีทางลับ และบนนั้นมีคนทำกิจกรรมทางเพศกันอยู่ แบร์รีก็ตอบกลับเข้ามาในภาพยนตร์ว่า “ก็เคยได้ยินอยู่ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องพวกนี้มันบ้าอะไร กิจการนี้มันก็บ๊อง ๆ อยู่ ต้องเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นจริง ๆ ผมถึงจะคิดว่ามันบ้ามาก” เรียกได้ว่าการสู้ทางกฎหมายของCircus of Booksเป็นเพียงการสู้เพื่อขายของต่อตามปกติในทุก ๆ วันไปเรื่อย ๆ ให้สินค้าเหล่านี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสังคม เพราะยิ่งเราให้เรื่องนี้มันไม่ปกติ มันก็จะไม่สามารถกลายเป็นเรื่องปกติได้
ลูกชายผู้เป็นความลับของCircus of Books
เรื่องนี้พิเศษด้วย ราเชล เมสัน ผู้กำกับที่ถือว่าเป็นตัวละครจริง ราเชลเป็นลูกสาวของผู้ก่อตั้งที่ผูกพันกับCircus of Booksมาตั้งแต่แรก ทำให้เธอสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของร้านได้ลึกและละเอียดในฐานะสมาชิกของครอบครัวช่วงหนึ่งของภาพยนตร์เผยให้เห็นถึงมุมมองของจอช (Josh)ลูกชายอีกคนผู้มีรสนิยมทางเพศแบบชายรักชาย แต่กลายเป็นว่าการที่ลูกชายของร้านขายสินค้าเกย์จะเปิดเผยเรื่องรสนิยมนี้กับครอบครัวเมสันไม่ใช่เรื่องง่ายทั้งที่ทั้งพ่อแม่ของจอชตั้งใจทำร้านนี้ให้กลายเป็นสิ่งปกติธรรมดา จอชในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยไม่กล้าบอกความลับนี้ของเขา และในตอนนั้นคาเรนผู้เป็นแม่ก็กำลังเคร่งศาสนาและมีท่าทียอมรับไม่ได้เมื่อลูกชายเป็นเกย์
คาเรนยอมรับว่าต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเรื่องนี้อยู่นาน เพราะเธอไม่ได้เตรียมตัวไว้สำหรับเหตุการณ์นี้ คาเรนให้สัมภาษณ์อย่างน่าสนใจในประเด็นหนึ่งว่าเธอไม่ได้มองลูกของเธอในระนาบเดียวกับลูกจ้างของร้านCircus of Books ซึ่งเป็นเกย์และเธอกลับคิดว่าเป็นสิ่งปกติธรรมดา
คาเรนครุ่นคิดกับเรื่องนี้อยู่นานมากขึ้นว่าทำไมเธอจึงยอมรับลูกจ้างที่เป็นเกย์แต่พอเรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกชายเธอกลับยอมรับไม่ได้
คนเรนค้นพบว่าหากเธอมองออกไปจากกรอบความเคร่งศาสนาของเธอ
เธอก็ยอมรับเกย์ได้ยอมรับว่าใครจะมีเพศแบบไหนก็ได้และการคิดครั้งนั้นไม่เพียงยอมรับจอช
แต่เป็นการเปิดให้เธอสามารถยอมรับความหลากหลายทางเพศของคนอื่น ๆ ในสังคมได้อย่างกว้างขึ้นด้วย
ต่างจากแบร์รีผู้เป็นสามีที่บอกในสารคดีว่า “ตอนที่เขาบอก
ฉันก็ประหลาดใจแต่เรื่องเดียวที่ไม่พอใจนิด ๆ คือ เขาเก็บมันเป็นความลับ
เพราะต่อให้ฉันรู้เลย ฉันก็รักเขาเท่าเดิม”
Fact File
- ติดตามชมสารคดีCircus of Books ได้ทาง Netflix