Candide Books ในวันที่ร้านหนังสือต้องก้าวขาออกจาก Comfort Zone
- ร้านหนังสือก็องดิด (Candide Books) เป็นร้านหนังสืออิสระที่มีการขายหนังสือคัดสรรและจัดกิจกรรม งานเสวนาอยู่เสมอ รวมทั้งมีประสบการณ์ในร้านหนังสือที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัว
- Candide Books คัดสรรและดำเนินกิจการโดย ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงานหนังสือและเป็นนักอ่านตัวยง ทางร้านมีการเปิดช่องทางจำหน่ายออนไลน์อยู่แล้วก่อนการระบาดของ โควิด-19
Candide Books หรือ ร้านหนังสือก็องดิด เป็นหนึ่งในร้านหนังสืออิสระที่คุ้นหูคุ้นตาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการอ่าน หนึ่งในเหตุผลที่ใครก็รัก ก็องดิด เพราะการดูแลของ ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง เจ้าของร้านที่ไม่ใช่แค่นั่งเฝ้าร้าน รอรับเงิน แต่เขายังใส่ใจในการคัดเลือกหนังสือ พร้อมทั้งประสบการณ์ในการเป็นบรรณาธิการและนักอ่านตัวยง ทำให้บทสนทนาในร้านหนังสือกลายมาเป็นประสบการณ์ที่นักอ่านจะได้รับจาก Candide Books
ในวันที่โควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนักกลางเดือนมีนาคม Candide Books ก็เหมือนกับร้านหนังสืออื่น ๆ ที่ต้องปิดหน้าร้านลง และกระโดดเข้าสู่ร้านหนังสือออนไลน์อย่างเต็มตัว ซึ่งก่อนหน้าวิกฤตินี้ Candide Books ก็มีเว็บไซต์ขายหนังสือของตัวเองเปิดไว้รองรับเทรนด์ดิจิทัลนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เน้นมากนัก พอทุกอย่างรวบตึงอยู่ในโลกออนไลน์แบบ 100 เปอร์เซนต์จริงจัง ดวงฤทัยเองก็ต้องมีการปรับขยับตัวอีกรอบ
Sarakadee Lite มีโอกาสได้คุยกับ ดวงฤทัย ก่อนที่ร้านจะกลับมาเปิดอีกครั้งถึงแวดวงร้านหนังสือในช่วงวิกฤติที่หนังสือกลายเป็นอีกไลฟ์สไตล์ของการเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่บ้าน
เมื่อต้องก้าวขาออกจาก Comfort Zone
“สำหรับ ก็องดิด โดยภาพรวมการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการที่ร้านออกจาก Comfort Zone จากเดิมเรารู้จักการขายหน้าร้านมากกว่าขายในออนไลน์ ปกติเราเน้นหน้าร้าน ร้านสวย ร้านมีต้นไม้ใหญ่ มีกาแฟ อันนี้คือ Comfort Zone ของเรา พอโควิด-19 มาสิ่งพวกนี้มันใช้ไม่ได้ในช่วงโควิด-19
“ในช่วงเดือนที่แล้ว (เดือนเมษายน) คนออกจากบ้านน้อยลงแต่ยอดออนไลน์สูงขึ้น ทำให้เราต้องมานั่งคิดถึงการขายหนังสือบนออนไลน์ซึ่งเราไม่ถนัด เลยต้องคิดว่าจะทำอย่างไร คิดโปรโมชั่นยังไง คิดยังไงให้คนมาซื้อ คิดวันต่อวันเลย อย่างตอนที่มีการลงโปรโมตกันในกลุ่ม Facebook ธรรมศาสตร์และการฝากร้าน ก็มีคนสนใจอยู่พอสมควรและทำให้รู้ว่าร้านเราก็มีแฟนคลับเหมือนกัน และเท่าที่เห็นก็มีทั้งมาซื้อออนไลน์และก็มีที่อยากมาหน้าร้านมาเดินเลือกหนังสือ มากินกาแฟ อย่างช่วงก่อนหน้านี้ก็มีคนมาร้านอยู่บ้าง บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพราะอยากมาเดินเลือกในร้านหนังสือเองด้วย
“แม้ในช่วงโควิด-19 คนออกจากบ้านน้อยลง ช่วงปลายเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนยอดขายออนไลน์สูงมาก แต่ไม่ใช่เพราะปัจจัยของโรคระบาดคนเลยมาซื้อผ่านออนไลน์ หรือคนอยู่บ้านเยอะขึ้นเลยอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่ในช่วงนั้นมีหนังสือออกใหม่เนื่องจากเดิมต้องเป็นช่วงสัปดาห์หนังสือ พอย้ายมาออนไลน์หนังสือใหม่ก็ยังออกกันมาอยู่ แล้วในหนังสือที่ออกใหม่ก็มีเล่มดังที่ขายดีของร้านเรา อย่างหนังสือใหม่ของมูราคามิ (สังหารจอมทัพอัศวิน) และหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ปกใหม่ ซึ่งทั้งสองชุดมีแฟนหนังสืออยู่แล้ว ถึงไม่มีโควิด-19 ก็ขายดี และเป็นหนังสือชุดที่ค่อนข้างมีราคาอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ยกชุดก็เกือบ 5,000 บาท การขายหนังสือราคานี้ได้จึงทำให้ตัวเลขโดยรวมสูงขึ้นด้วย จึงยังสรุปไม่ได้ว่ายอดขึ้นเพราะสถานการณ์โควิด-19 เสียทีเดียวมันมีปัจจัยอื่น ๆ อีก
“อย่างการขายหนังสือออนไลน์ก็องดิดก็ทำมา 2 ปีแล้ว คนซื้อหนังสือก็มีทั้งเดินเลือกซื้อที่ร้าน และออนไลน์ก็มีการขายอยู่ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ถ้าจะมีผลเชิงพฤติกรรมการซื้อ คิดว่าโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เร็วขึ้น เราเลยอาจยังไม่ดีใจจากยอดออนไลน์ระยะสั้น ๆ เดือนสองเดือนนี้ คิดว่ายังเร็วไปที่จะสรุป”
ตลาดหนังสือในปี 2020
“หนังสือเล่มที่ขายได้เดี๋ยวนี้ต้องมีคุณภาพ บางทีหนังสือราคาพันอัปขายดีกว่าเล่มละสองสามร้อยบาท เพราะคนอยากเก็บหนังสือดี ๆ ถ้ามองว่าตอนนี้ตลาดหนังสือผลิตน้อยลง เราว่าเมื่อก่อนอาจมีหนังสือมากเกินความต้องการ ในยุคพ็อกเก็ตบุ๊กบูมก็มีหนังสือออกมาเยอะมาก ซึ่งตอนนี้มันหายไปกันเยอะเลยนะในเชิงจำนวนที่ออก แต่ในสมัยนี้หนังสือเล่มหรือพ็อกเก็ตบุ๊กก็มีคุณภาพเพิ่มขึ้น อย่างหนังสือ เรือนญี่ปุ่น พื้นที่ ความทรงจำและถ้อยคำ (ทะเคะชิ คะนะกะวะ) ปกแข็ง ราคาเล่มละ 1,500 บาท ก็ขายดีมาก เนื้อหาดียังไงคนก็ยังซื้อ
“อย่างชุดแฮร์รี่พอตเตอร์ปกใหม่ที่ออกแบบโดยคนไทยที่เราก็รู้สึกว่าสวยปกแข็งขายราคาชุดละ 4-5 พันบาท เปิดจองรอบที่สาม คนก็ยังฮือฮาอยู่เลย หรืออย่างหนังสือที่ทำเป็น Limited Edition ก็กำลังมาวัดกันที่คุณภาพ จำนวนพิมพ์น้อยลงแต่คุณภาพมากขึ้นและมีแนวโน้มอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
“เราคิดว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้อ่านหนังสือน้อยลง กลับกันถ้าดูในทวิตเตอร์ก็จะเห็นว่ามีการอ่านเองการเขียนเองและขายกันเอง เขาไม่ใช่ไม่อ่านนะคนรุ่นใหม่เขาทำเขาเขียนกันเองด้วยซ้ำ นี่คือเด็กมัธยม เด็กมหาวิทยาลัยนะ กลุ่มนี้มีตลาดที่ใหญ่พอสมควร ในหนึ่งคนเป็นทั้งนักเขียน สำนักพิมพ์และขายเอง ถึงราคาสูงเพราะผลิตออกมาจำนวนน้อยก็มีคนอ่าน คนซื้อเป็น Sub Culture ของเขาเลย
“อย่างวัฒนธรรม Pop Culture เกาหลีนี่ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจการอ่านมากเหมือนกันนะ สังเกตว่าวัฒนธรรมแม้แต่ในซีรีส์ก็มีการหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านหรืออย่างที่มีกระแส จินยอง GOT7 ที่ก็มีแฟนคลับอ่านหนังสือตามเขาซึ่งก็เป็นหนังสือวรรณกรรมอย่าง The Catcher in the Rye (J.D. Salinger) ก็ทำให้แฟนคลับอ่านหนังสือมากขึ้นมีมาต่อคิวซื้อหนังสือร้านพี่เยอะเลยจากกระแสไอดอลเกาหลีที่ทำให้เขาอ่านหนังสือกัน
“อย่างนิยายแชตนิยายออนไลน์ต่าง ๆ นี่ก็ถือว่าเป็นการอ่านแบบหนึ่งหรือกระแสหนังสือแบบอื่น ๆ เช่นหนังสือ แฟนฟิค ที่เป็นการเอาบุคคลอาจจะเป็นนักร้อง คนดัง มาแต่งเป็นนิยายแล้วพิมพ์ขายกันเองในทวิตเตอร์นี่ก็ของวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ที่ยังอ่านอยู่และไม่ใช่แค่อ่านเขาเขียนเขาพิมพ์ขายกันเลย”
Fact File
- กดติดตามและซื้อหนังสือจากร้านก็องดิดได้ที่เว็บไซต์ www.candidebooks.com