Wadfah ศิลปินรุ่นใหม่ค่าย Smallroom กับซิงเกิลเปิดตัว i hate this city
Faces

Wadfah ศิลปินรุ่นใหม่ค่าย Smallroom กับซิงเกิลเปิดตัว i hate this city

Focus
  • Wahfah หรือ วาดฟ้า ไชยทัพ ศิลปินหญิงคนใหม่ล่าสุดของค่าย Smallroom ที่เปิดตัวพร้อมซิงเกิลแรก เพลงสากลแนวอินดีพอป-อัลเทอร์เนทีฟพอป i hate this city
  • i hate this city เป็นเพลงแรกที่วาดฟ้าสามารถเขียนได้จบ เนื้อหาสะท้อนความโดดเดี่ยวและเหนื่อยหน่ายในเมืองหลวงที่บอกเล่าความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา

ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ Wadfah หรือ วาดฟ้า ไชยทัพ ศิลปินหญิงคนใหม่ล่าสุดของค่าย Smallroom ที่เปิดตัวพร้อมซิงเกิลแรก เพลงสากลแนวอินดีพอป-อัลเทอร์เนทีฟพอป i hate this city เนื้อหาสะท้อนความโดดเดี่ยวและเหนื่อยหน่ายในเมืองหลวงที่บอกเล่าความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา คล้ายเป็นตัวแทนความรู้สึกของคนที่กำลังใช้ชีวิตเพื่อความหวัง โอกาสและการตามหาฝันของตัวเองในพื้นที่หรือเมืองที่อาจจะไม่ได้ส่งพลังงานหรือเอื้อให้เราได้ใช้ชีวิตเพื่อโอกาสและความหวังอย่างเต็มที่ I Hate this City จึงเป็นเหมือนเพลงที่หลายคนในเมืองหลวงแห่งนี้อาจกำลังมีความรู้สึกแบบเดียวกัน

“I hate this city

It’s such a pity

I don’t really wanna wake up…”

wadfah i hate this city
wadfah i hate this city

วาดฟ้าเลือกเขียนเนื้อเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะส่วนใหญ่แล้วเธอชอบฟังเพลงสากล มีหนึ่งในวงโปรดคือ เดอะบีเทิลส์ (The Beatles) ที่เธอเล่าว่าชื่นชอบในความตรงไปตรงมาของเนื้อหาที่ค่อนข้างส่งผลต่องานเพลงของเธอด้วยเหมือนกัน แต่นอกจากงานเพลงวาดฟ้าในวัย 21 ปียังชื่นชอบการสร้างสรรค์งานศิลปะในรูปแบบอื่นควบคู่กันไปด้วย สำหรับ i hate this city ก็ต้องยกเครดิตให้ทั้งส่วนของเพลง ปกซิงเกิลแบบคอลลาจ จัดเซตสำหรับถ่ายภาพและส่วนของมิวสิกวิดีโอที่รับหน้าที่เป็นทั้ง Editor, Animator และ Illustrator ในโปรเจกต์เดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้หากใครติดตามวงดูโอ้หญิง Landokmai อยู่ด้วยก็น่าจะต้องเห็นผลงานของวาดฟ้ามาแล้วบ้างสำหรับภาพ Illustrator ปก EP Album: Over the sun และผลงานกำกับมิวสิกวิดีโอ Please be true

ภาพจากมิวสิกวิดีโอ Please be true – Landokmai

“เมื่อก่อนเราชอบถ่ายวิดีโอทำเป็น Montage ชอบงานแนวนี้เพราะรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรเป็นฟังก์ชันดี เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ เราเลยทำ Vlog เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของตัวเองตอนไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศลัตเวีย มีทำเป็นไดอารีและวาดรูปลงไป พอมีรุ่นพี่มาเห็นแล้วชอบ เขาเลยชวนไปทำมิวสิกวิดีโอและปกอัลบั้มในตอนนั้น”

ประสบการณ์ในชีวิตประจำวันและการบันทึกจึงเป็นเหมือนต้นทางวัตถุดิบที่วาดฟ้ามักหยิบมาใช้ในการสร้างสรรค์ทั้งการวาดและการเขียนเพลง ซึ่งตอนนี้ผลงานต่าง ๆ ที่ออกมาเปรียบเหมือนไดอารีหน้าหนึ่งของเธอในช่วงวัยที่ไม่ค่อยได้กลับไปเขียนไดอารีเหมือนตอนเด็ก ๆ แล้ว

“ความสนใจของเราเริ่มมาจากตอนเด็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่เป็นนักพัฒนาสังคมเขาเลยพาเราไปลงพื้นที่และเข้าไปหาชุมชนต่าง ๆ ด้วย เราก็เลยเริ่มมองเห็นความแตกต่างของผู้คน คุณแม่เราชอบเขียนไดอารีอยู่แล้ว เขาชอบสเกตช์ทุก ๆ อย่างลงในสมุด เช่น ลายผ้าของชาวบ้านหรือบันทึกไว้ว่าชนเผ่านี้เขากินอะไรกัน เราเลยได้แรงบันดาลใจมาจากตรงนั้นและคุณแม่ก็เป็นคนชวนให้วาดเขียนไดอารีด้วย 

wadfah

สำหรับเราการเขียนไดอารีเป็นเหมือนการสะสมความเป็นตัวเอง เราได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นซ้ำ ๆ เป็นอีกการเดินทางหนึ่งที่เราได้ตามหาตัวเองอยู่เรื่อย ๆ วาดเลยคิดว่าไดอารีค่อนข้างส่งผลต่อการตามหาลายเส้นและความคิดของตัวเอง จนมาถึงตอนนี้จริง ๆ เราไม่ค่อยได้เขียนไดอารีแล้ว แต่มาเขียนเพลงแทน เพลงเลยเป็นเหมือนไดอารีของเราไปแล้ว เป็นการทบทวนและแสดงความรู้สึกตัวเองออกมาในอีกทางหนึ่ง” 

ก่อนหน้านี้ราว 1 ปี วาดฟ้า แนะนำตัวตนผ่านเพลง If i die ในช่องยูทูบของตัวเอง แต่จริง ๆ แล้ว i hate this city ที่เพิ่งปล่อยออกมาเป็นเพลงแรกที่วาดฟ้าสามารถเขียนได้จบ ด้วยความรู้สึกของเด็กปี 1 ที่ต้องย้ายจากจังหวัดเชียงใหม่เข้ามาที่กรุงเทพฯ ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย พร้อมความฝันในการเป็นศิลปินที่เธอเล่าว่าซ่อนไว้ลึก ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะได้โอกาสนั้นมาจริง ๆ หรือเปล่า 

“เพลงนี้เขียนขึ้นประมาณ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรารู้สึกอัดอั้นกับความลำบากในชีวิตกรุงเทพฯ อยากกินอะไรอร่อย ๆ ก็ไม่ได้กิน ต้องจ่ายค่าเดินทางสูง ๆ เราเขียนเพลงนี้อยู่ในห้องแคบ ๆ แล้วรู้สึกว่าไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย มันคือความรู้สึกเพียว ๆ ของวาดเลย แทนที่เราจะได้อยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เราก็ต้องแลกด้วยการมาไขว่คว้าแสงในเมืองหลวง เพราะเรารู้สึกว่าที่นี่มีที่รองรับสำหรับศิลปินมากกว่าที่อื่น ทุกอย่างมันสวนทางกันไปหมด เช่น ค่าครองชีพสูงแต่คุณภาพชีวิตต่ำ เราเกลียดที่ต้องเดินไปไหนมาไหนแล้วเจอความเหลื่อมล้ำในทุกที่ มันไม่แฟร์และน่าหดหู่ 

“เพลงนี้เราเขียนเพื่อตัวเองด้วยเป็นการระบายความรู้สึกลึก ๆ ส่วนตัว แล้วตอนนั้นสถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างเข้มข้น เราคิดว่าน่าจะมีหลาย ๆ คนที่รู้สึกไปพร้อม ๆ กับเรา เพื่อนเราหลายคนก็เป็นคนต่างจังหวัดด้วย พอเขาได้ฟังแล้วก็บอกกันว่ารู้สึกแบบนี้เลย เราจะต้องทำมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ด้วยกันนะ เห็นภาพเป็นฟีลแบบตัวละคร 3 คนที่ยืนด้วยกันแล้วตะโกนว่า เย่ ปลุกพลัง แล้วสุดท้ายเราก็ได้มาทำมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ด้วยกันจริง ๆ เป็นผู้กำกับของมิวสิกวิดีโอเพลงนี้นี่แหละค่ะ”

wadfah

หลังจากปล่อยซิงเกิลแรกออกมา วาดฟ้าตั้งใจไว้ว่าอยากเขียนเพลงให้เป็นตัวเองและมีความแปลกใหม่มากขึ้น รวมถึงอยากทำงานศิลปะควบคู่ไปด้วย ซึ่งในปีนี้เราก็น่าจะได้เห็นผลงานใหม่ ๆ รวมถึงคอนเสิร์ตศิลปินรุ่นใหม่ของค่ายสมอลล์รูมที่น่าจะมีอัปเดตออกมาเร็ว ๆ นี้ ก่อนกลับเราขอทิ้งท้ายด้วยคำถามถึงเมืองในฝันและเมืองที่อยู่ในใจของวาดฟ้ากันหน่อยว่าในฐานะศิลปินรุ่นใหม่อยากเห็นเมืองที่อาศัยอยู่เป็นแบบไหนกัน

“เราอยากเห็นเมืองที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงความสะดวกและเข้าถึงความฝันของตัวเองมากขึ้น ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน เป็นเมืองที่ไม่น่าเศร้าและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงความเจริญอย่างทั่วถึง ส่วนเมืองที่อยู่ในใจวาดฟ้าตอนนี้มีอยู่ 2 เมืองค่ะ คือ ลัตเวีย ที่วาดไปแลกเปลี่ยนมาเพราะเป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบและมีธรรมชาติสวยมาก ผู้คนเขาจะนิ่ง ๆ กันนิดหนึ่ง ถ้าอยากอยู่เงียบ ๆ เราคงเลือกลัตเวีย อีกเมืองที่เราชอบจะมีความเป็นเมืองไปเลยคือ เบอร์ลิน เป็นเมืองที่วาดใฝ่ฝันมาก มันมีความฉูดฉาด มีสีสัน มีความมัลติคัลเจอร์เพราะมีคนจากหลากหลายประเทศย้ายไปอยู่ที่นั่น เขาค่อนข้างยอมรับความแตกต่างของกันและกัน รวมถึงมีพื้นที่ศิลปะสำหรับคนรุ่นใหม่ด้วย” 

Fact File


Author

สุกฤตา โชติรัตน์
มนุษย์ผู้ค้นพบพลังงานพิเศษจากประโยคในหนังสือ อาหารจานโปรดและเพลงที่ฟัง อยากเลี้ยงแมวและตั้งใจว่าจะออกไปมองท้องฟ้าบ่อยๆ

Photographer

วรวุฒิ วิชาธร
คลุกคลีอยู่ในวงการนิตยสารมากว่า 15 ปี ทั้งงานแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ปัจจุบันยังคงสนุกกับการสร้างสรรค์ผลงานถ่ายภาพในฐานะ "ช่างภาพอิสระ"