เพลย์ลิสต์เปี่ยมพลังใจของ ไอยู ศิลปินหญิงที่ส่งเสียงเชียร์ผู้ฟังผ่านเสียงเพลง
- 9 บทเพลงส่งพลังใจฉบับ ไอยู หรือ อีจีอึน ศิลปินหญิงชาวเกาหลีใต้ ที่มักบอกเล่ามุมมองของชีวิตผ่านผลงานเพลง
- ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้ม The Winning ที่ว่าด้วยความฝันและความปรารถนา เพลง Coming of Age อย่าง My Sea หรือบทเพลงปลอบประโลมใจอย่าง Love Poem บทกวีรักที่เขียนขึ้นเพื่อหวังจะปลอบโยนให้ผู้ฟังมีแรงใช้ชีวิตต่อไปได้ท่ามกลางวันคืนที่ยาวนาน
“วันไหนที่ทุกคนเหนื่อยจนน้ำตาไหลออกมา นึกถึงไอยูคนที่ร้องเพลงและโบกแท่งไฟไปพร้อมกับทุกคนนะคะ”
ไอยู หรือชื่อจริงของเธอคือ อีจีอึน ศิลปินหญิงชาวเกาหลีใต้ได้กล่าวไว้ในช่วงท้ายของคอนเสิร์ต IU HEREH World Tour Concert in Bangkok เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งคอนเสิร์ตนี้เป็นการกลับมาเยือนประเทศไทยในรอบ 5 ปี หลังจากปล่อยมินิอัลบั้มชุดที่ 6 The Winning อันประกอบไปด้วย 5 บทเพลงที่ถ่ายทอดถึงความปรารถนาออกมาอย่างลึกซึ้ง แบบที่ไอยูมักบอกเล่ามุมมองของชีวิตผ่านผลงานเพลงมาเสมอ คล้ายกับว่าเธอเติบโตไปพร้อมการทำเพลงในทุกๆ อัลบั้ม จึงไม่แปลกใจที่คนจำนวนไม่น้อยจะบอกว่าเพลงและเสียงของไอยูเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของพวกเขา และไม่น้อยอีกเช่นกันที่มีบทเพลงของเธอคอยเป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงเวลายากๆ ของชีวิตไปได้
สำหรับ HEREH เป็นเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตที่ไม่เพียงแค่พาไอยูกลับมาเจอ บังแอนา (ชื่อเรียกแฟนคลับไทยของไอยู) แต่ยังถือเป็นก้าวใหม่ของไอยูเองที่เริ่มต้นออกจากเซฟโซนไปทัวร์ยุโรปเป็น ครั้งแรกโดยที่บัตรจำหน่ายหมดทุกที่นั่ง และปิดฉากลงอย่างสวยงามด้วยคอนเสิร์ตครั้งที่ 100 แบบพอดิบพอดี ณ Seoul World Cup Stadium สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ไม่เท่านั้นเธอยังได้รับรางวัล Stage of The Year จากเวิลด์ทัวร์ครั้งนี้ซึ่งถือเป็นถ้วยรางวัลที่ 4 ที่คว้าจาก MelOn Music Awards 2024 ไปครอง แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ยืนยันถึงความสำเร็จของไอยูในฐานะศิลปินหญิงเดี่ยว แม้จะผ่านการเดบิวต์มาแล้วกว่า 16 ปีท่ามกลางวงเกิร์ลกรุ๊ปบอยกรุ๊ปและศิลปินรุ่นใหม่ที่ตบเท้าก้าวเข้าสู่วงการ แต่ไม่ว่าจะพิชิตกี่ถ้วยรางวัลและสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนยอมรับและจดจำเธอได้เสมอคือการเป็นศิลปินที่ถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกผ่านบทเพลงได้อย่างจริงใจและสวยงามที่สุดคนหนึ่ง ในช่วงเวลาของการเริ่มต้นปีใหม่นี้ เราจึงอดไม่ได้ที่จะยกเพลงของเธอมาพูดถึงเพื่อส่งต่อพลังใจให้กับทุกคนอีกครั้ง
ไม่จำเป็นต้องเป็นดอกไม้
เป็นอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ
“หากมีใครถามว่าฉันเป็นยังไง ช่วยส่งข่าวบอกเขาไป เธอกลายเป็นสปอร์ไปแล้ว” เพลงนี้ไอยูเปรียบเทียบการใช้ชีวิตเหมือนกับ Dandelion Seed ที่โบยบินได้อย่างอิสระ เธอเล่าถึงไอเดียของเพลงนี้ว่าในตอนที่ยังเด็ก เธอคิดว่าวันหนึ่งจะต้องเบ่งบานและงดงามเหมือนดอกไม้ แต่เมื่อใช้ชีวิตมาจนถึงวัย 30 ปีกลับตระหนักได้ว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยที่ทุกคนบนโลกจะต้องการเป็นดอกไม้เสมอไป เธอจึงนึกถึงการใช้ชีวิตแบบ Dandelion Seed เพลงนี้เลยเป็นการเปรียบเทียบว่าแม้เราไม่เลือกที่จะหยั่งรากลงดินเหมือนคนอื่นๆ ก็สามารถเป็นเมล็ดแดนดิไลออนที่โบยบินไปตามสายลมและมีความทะเยอทะยานตามแบบของตัวเองได้เช่นกัน
อีกหนึ่งความพิเศษของเพลงนี้คือระหว่างการทัวร์ ไอยูได้ชวนเด็กๆ นักเต้นตัวจิ๋วของประเทศนั้นๆ มาร่วมโชว์บนสเตจด้วย โดยหลังจบคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยเธอก็ไม่ลืมที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์ส่งแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ด้วยการมอบอัลบั้มและข้อความภาษาไทยตัวขยึกขยือที่ตั้งใจเขียนถึงน้องๆ แต่ละคนเอาไว้อาทิ “ฉันกลายเป็นแฟนคลับของคุณโดยสิ้นเชิง” “ทำได้ดีจริงๆ สง่างาม” “ช็อคไปเลย นายเท่มาก” “100 คะแนนเลยอ่ะ สุดยอดเลย”
แด่ผู้หญิง ตัวตน และชื่อที่แสนพิเศษ
สเตจของเพลง Shh… ได้รับการพูดถึงอย่างมากจากการฉายภาพ VCR ของศิลปินหญิงตั้งแต่ศิลปินในตำนานอย่างโจ วอน ซุน, แพตตี้ คิม ไปจนถึงศิลปินรุ่นใหม่อย่าง BLACKPINK, Aespa, TWICE, (G)I-DLE และอีกจำนวนมาก ซึ่งสเตจนี้เกิดขึ้นเพื่อยกย่องและชื่นชมศิลปินหญิงที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับไอยูมาตลอดชีวิต
สำหรับเพลง Shh… ไอยูตั้งใจเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง ไม่ว่าจะในฐานะแม่กับลูก เพื่อนกับเพื่อนหรือผู้หญิงที่เป็นดั่ง Role Model หรือต้นแบบให้กับผู้หญิงด้วยกัน โดยที่ยังมีการตีความถึงท่อนหนึ่งของเพลงนี้ซึ่งร้องว่า “그 이름은 shh… (ชื่อของเธอคือ Shh…)” ต่อการสะท้อนบทบาทของผู้หญิงในสังคมเกาหลีใต้ที่มักจะถูกแทนที่ชื่อและตัวตนของพวกเธอด้วยคำว่า แม่ หรือ ภรรยาของใครสักคน หรือแม้แต่การเกิดมาเป็นลูกสาวที่มักไม่ได้รับความสำคัญเท่าลูกชาย ดังปรากฏในบทสนทนาขณะพูดคุยถึงเพลงนี้ ไอยูถามคุณแม่ถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับแม่ของเธอเองว่าเป็นอย่างไร และได้รับคำตอบว่า “ฉันขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้เกี่ยวกับแม่ แต่แม่ของฉันสนใจแค่ลูกชาย…ฉันไม่เคยได้รับซุปสาหร่ายที่แม่ทำเลยสักครั้ง”
แรงบันดาลใจในการเขียนเพลงนี้ไอยูมองว่าความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักหรือมิตรภาพเท่านั้น แต่มีทั้งความกลัว ความขัดแย้ง ความเกลียด ความชอบ การยกย่องนับถือหรือแม้แต่การแข่งขัน เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนแต่ก็เชื่อมโยงและผลักดันกัน ซึ่งไอยูเองได้เรียนรู้หลายอย่างจากผู้คนเหล่านี้อันมีส่วนทำให้กลายมาเป็นไอยูในวันนี้ได้ และเพื่อถ่ายทอดความหมายของเพลงนี้อย่างสมบูรณ์ Shh… จึงมีผู้หญิงต่างเจเนอเรชันมาร่วมร้องถึง 4 คน นั่นคือ ไอยู ตามมาด้วย ฮเยอิน จาก NewJeans ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ โจ วอน ซุน ตัวแทนของศิลปินยุคก่อน และ แพตตี้ คิม นักร้องในตำนานที่มาร่วมบรรยายในตอนท้าย เกิดเป็นเพลง Shh… ที่มีความผสมผสานโทนเสียงและสไตล์การร้องของแต่ละคนทั้งในแบบ Soul Blues, R&B และแนวร็อกอยู่ในเพลงเดียวกัน
โดยในตอนท้ายของวิดีโอสัมภาษณ์ ไอยูได้ถามคุณแม่ว่ามี Shh…ของตัวเองไหม คุณแม่ตอบกลับในทันทีว่า “ไอยู…ฉันหมายความตามนั้นจริงๆ นะ แม่ชื่นชมหนูในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่เพราะว่าหนูเป็นลูกสาวของแม่ แต่เพราะว่าหนูท้าทายตัวเองอยู่เสมอ”
แค่ชีวิตเองนี่!
แม้ไม่มีโชค เราก็ใช้ชีวิตอย่างดีได้
ใจความของเพลง Unlucky จากอัลบั้ม Love Poem (2019) เป็นเพลงกึ่งสุขกึ่งเศร้าที่สื่อถึงการปลอบโยนตัวเองในยามเจอเรื่องร้ายๆ ในชีวิต “ฉันรักวันเวลาของฉัน ฉันรู้ บางทีชีวิตก็ใจร้ายกับเรา นั่นจริงที่สุด ฉันเลยพยายามอยู่” ไอยูเล่าว่าเพลงนี้ถือเป็นเพลงที่ยากสำหรับเธอ เมื่อเปรียบเทียบกับเพลงที่ต้องใช้เทคนิคยากๆ หรือต้องร้องด้วยโน้ตที่สูง เมสเสจของเพลงนี้กลับทำให้เธอร้องไห้ออกมาตอนที่อัดเพลง แต่ขณะเดียวกัน Unlucky ยังคงเป็นเพลงที่เธอรักและมอบให้กับผู้ฟังเพื่อบอกว่า แม้ชีวิตตอนนี้จะมีแต่เรื่องน่ากังวลในทุกวัน แต่วันดีๆ จะมาถึงอย่างแน่นอน วันดีๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่โชคอันผิวเผินแต่เป็นสิ่งตอบแทนที่สมควรได้รับสำหรับการอดทนรอ
นอกจากนี้ไอยูยังเคยตอบคำถามด้วยคอนเซปต์เดียวกันในหลายๆ ครั้งว่า “บางครั้งฉันก็แพ้ค่ะ” “ฉันเองก็พยายามใช้ชีวิตอย่างดีอยู่ แต่ชีวิตที่ดีพอเป็นยังไง ไม่มีใครรู้หรอก การใช้ชีวิตมันยากด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่เราก็ยังใช้ชีวิตต่อไปได้อยู่ แค่นี้ก็สุดยอดแล้วแหละ”
ปล่อยความต้องการเป็นอิสระ
เติมความปรารถนา อยู่ในช็อปที่ไม่มีวันปิด
เพลงนี้ไอยูเขียนขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงเวลาที่อยู่ใน คอนเสิร์ต The Golden Hour: Under the Orange Sun ในปี 2022 เธอกล่าวว่าตอนที่รู้สึกเหนื่อยล้าหมดไฟจากการทำงาน เสียงของผู้ชมได้ปลุกความปรารถนาของเธอขึ้นมาใหม่ ความกล้าหาญและความปรารถนาเลยกลายมาเป็นประเด็นหลักของเพลงนี้รวมถึงธีมของอัลบั้ม The Winning เพื่อหวังว่าเสียงของเธอจะมอบความกล้าและความมั่นใจให้กับผู้ฟังในแบบเดียวกัน สำหรับ Shopper ไอยูเปรียบเทียบการเติมเต็มความปรารถนาออกมาเป็นเรื่องราวของนักช้อปที่อยู่ในช็อปที่ไม่มีวันปิด เธอมองหาแล้วหยิบสิ่งที่ต้องการใส่ลงรถเข็นไปเรื่อยๆ จนเต็มคัน โดยราคาสิ่งของเหล่านั้นขึ้นอยู่กับผู้ซื้อเป็นคนให้คุณค่าแม้ว่ามันจะเล็กหรือใหญ่ก็ตามในสายตาของผู้อื่น
หากใครติดตามเธออยู่บ้างจะเป็นที่ทราบกันว่าคอนเสิร์ตของไอยู คุณแม่จะเตรียมของที่ระลึกมามอบให้กับทุกที่นั่งเสมอ ซึ่งโดยปกติสำหรับประเทศเกาหลีใต้เบาะรองนั่งได้กลายเป็นของที่ระลึกที่เป็นสัญลักษณ์ของคอนเสิร์ตไอยูไปแล้ว เพราะคอนเสิร์ตของไอยูเรียกได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตที่นาน (3-5 ชั่วโมง) แต่สำหรับ HEREH ในสองรอบสุดท้าย เธอได้เตรียมของขวัญชิ้นพิเศษเป็นกล้องส่องทางไกล ซึ่งลิงก์กันกับเนื้อหาในมิวสิควิดีโอ โดยกล่าวว่า “ฉันมอบกล้องส่องทางไกลให้พวกคุณ ในมิวสิควิดีโอเพลง Shopper มีฉากที่ฉันมองผ่านกล้องส่องทางไกล ฉากนั้นมีความหมายว่าฉันค้นพบเป้าหมายของตัวเองและเริ่มต้นออกเดินทางค่ะ นี่เลยเป็นเหตุผลที่ฉันเตรียมกล้องส่องทางไกลมาให้ พวกคุณสามารถปรับโฟกัสได้เองตามที่ต้องการ ฉันหวังว่าคุณจะโฟกัสไปยังสิ่งที่คุณปรารถนานะ…ถ้าหากการทัวร์ครั้งนี้สามารถมอบความกล้าเพียงสักนิดให้กับคุณได้ ฉันคงมีความสุขที่สุดในคืนนี้เลยค่ะ”
ฉันจะคอยเป็นผู้ชมของคุณ และเชื่อมั่นในตัวคุณ
“ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณมากนะ เพราะคุณยอดเยี่ยมและน่าทึ่งที่สุด” สำหรับ I Stan U เป็นเพลงที่ไอยูเขียนเพื่อมอบให้กับ ยูแอนา แฟนคลับของเธอ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงเวลาที่ศิลปินและแฟนคลับสื่อสารและมอบพลังให้แก่กันทั้งด้วยดวงตาที่เปร่งประกายและการส่งเสียงเชียร์อย่างกระตือรือร้นตลอดการแสดง เนื้อเพลงนี้เลยสื่อถึงการตอบแทนที่มากกว่าคำว่าขอบคุณ โดยการมอบพลังนั้นกลับมาให้ทุกคนเหมือนดังที่เธอกล่าวเอาไว้ว่า “ฉันเองก็จะขอเป็นผู้ชมคนหนึ่งที่โบกแท่งไฟเชียร์ทุกคนเลยค่ะ ขอบคุณที่มาเป็นผู้ชมของฉัน”
ขอให้คุณนอนหลับอย่างดีในคืนนี้
Through The Night เป็นเพลงที่ไอยูเขียนขึ้นจากอาการนอนไม่หลับ เพราะประสบปัญหานี้การนอนหลับจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเธอรวมถึงคนที่เธอรัก เธอคิดว่าคำสารภาพและสิ่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถมอบให้กับคนที่รักได้คือคำอธิษฐานว่าเขาคนนั้นจะนอนหลับได้อย่างสบาย ด้วยเหตุผลนี้เพลง Through The Night จึงเกิดขึ้นมาด้วยความปรารถนาว่าผู้ฟังจะนอนหลับได้อย่างดี ซึ่งนอกจากเพลงนี้แล้วไอยูยังมีเพลงเกี่ยวกับการนอนหลับอีกหลายเพลง หนึ่งในนั้นคือเพลง Knees ที่เธอได้อินสไปร์มาจากช่วงเวลาในวัยเด็ก ยามนอนลงบนตักของคุณย่าและสามารถนอนหลับได้อย่างง่ายดายจากสัมผัสอันอบอุ่นของคุณย่าที่มอบให้กับเธอ
แม้จะหลงทางอีกครั้ง ฉันก็รู้วิธีกลับมา
หนึ่งในเพลงบัลลาดของไอยูที่มีไฮโน้ตทรงพลังผสานเสียงคอรัสและออร์เคสตรา เพลงนี้ไอยูเล่าถึงการเติบโตในช่วงวัย 20 ปี เป็นการโอบอุ้มความรู้สึกของตัวเองในช่วงวัยรุ่น เธอเปรียบเทียบความฝันและจินตนาการของวัยเด็กเป็นเหมือนกับท้องทะเลที่ไม่มีวันแห้งเหือด แต่เมื่อเติบโตขึ้นเราพบกับความจริงของชีวิต ปัญหาและความเจ็บปวดที่สร้างรอยแผลระหว่างทาง จนอาจเผลอปล่อยมือจากความฝันไป ห่างเหินจากทะเลออกไปเรื่อยๆ จนบางทีอาจเหลือแค่เพียงร่องรอยที่ไม่สามารถสัมผัสมันได้อีก ช่วงเวลาของการไม่ชอบและไม่สามารถรักตัวเองได้อย่างเต็มที่ถูกถ่ายทอดออกมาในตอนต้น
ต่อด้วยช่วงเวลาของการทบทวนความคิดและเริ่มเข้าใจตัวเองขึ้นทีละน้อยในท่อน “เด็กน้อยที่ต้องเจ็บปวดมานานแสนนานขนาดนั้น เพียงเพื่อเติบโตมาเป็นฉันหรือเปล่า” จนมาถึงช่วงหลังของเพลงที่สื่อถึงการย้อนกลับไปยังความฝัน จินตนาการและความต้องการของตัวเองอีกครั้ง เปรียบเสมือนการค้นพบตัวเองและท้องทะเลที่อยู่กับเธอมาเสมอ แต่ไอยูกล่าวว่ามันอาจไม่เมคเซนต์ที่จะบอกว่าในท้ายที่สุดคนเราจะสามารถแก้ปัญหาและจัดการเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้ทั้งหมด จึงเกิดมาเป็นถ้อยคำนี้ในตอนท้าย
“แม้จะเป็นเช่นนั้น ในบางครั้ง
ก็ยังมีวันที่พ่ายแพ้ให้กับชีวิต
แต่แม้ว่าฉันจะหลงทางอีกครั้ง
ฉันก็พบหนทางย้อนกลับมา”
My Sea จึงเป็นอีกเพลงส่งกำลังใจและหวังว่าความฝันของทุกคนจะไม่หล่นหายไประหว่างทาง
บทกวีรักอันเงียบงัน ที่เธอจะร้องมันเพื่อคุณเสมอ
“ฉันอยู่ตรงนี้ มองฉันไว้นะ ฉันจะไม่มีวันหายไป
จะยังร้องเพลงนี้จนถึงที่สุด เพลงที่จะไม่มีวันจบลง
หากค่ำคืนอันยาวนานของเธอสิ้นสุด
ฉันจะอยู่ตรงนี้ เงยหน้ามองขึ้นมาก็เจอ”
Love Poem เป็นเพลงที่อยู่ในมินิอัลบั้มชุดที่ 5 ในชื่อเดียวกัน โดยในข้อความแนะนำอัลบั้มกล่าวว่า Love Poem เป็นเหมือนการขอร้อง เธอใช้คำนี้เพราะจุดหนึ่งตระหนักได้ว่าคำปลอบโยนในบางครั้งที่เรามอบให้กับผู้อื่นเพื่อหวังให้เขาผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้อย่างรวดเร็วนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เรามอบให้แก่คนผู้นั้นเพียงฝ่ายเดียว แต่หมายถึงความปรารถนาต่อตัวเองด้วยที่อยากเห็นชีวิตที่สงบสุขของคนๆ นั้น Love Poem จึงเป็นบทกวีรักที่เขียนขึ้นเพื่อหวังจะปลอบโยนให้ผู้ฟังมีแรงใช้ชีวิตต่อไปได้ท่ามกลางวันคืนที่ยาวนาน
โดยระหว่างการทัวร์ครั้งล่าสุด ไอยูได้มอบเพลงนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้อยู่ในเซ็ตลิสต์หลักของคอนเสิร์ตให้กับผู้ชมชาวไต้หวัน เพื่อปลอบประโลมหัวใจหลังผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในเมืองฮวาเหลียน พร้อมกับขึ้นข้อความว่า “เพื่อแสดงความเสียใจอย่างจริงใจต่อครอบครัวของผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมืองฮวาเหลียน (Hualien) นอกจากนี้เพื่อแสดงความขอบคุณและสนับสนุนต่อผู้ที่มุ่งมั่นพยายามทำงานอย่างถึงที่สุดหลังเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น”
ความรักมีโอกาสชนะเสมอ
เราต้องการผู้ชนะแค่เพียงหนึ่งจริงๆ หรือเปล่า ? ทุกคนไม่สามารถเป็นผู้ชนะด้วยกันได้ใช่ไหม ? คือเมสเซจที่ไอยูส่งผ่านอัลบั้ม The Winning มาถึงผู้ฟัง โดยในอัลบั้มล่าสุดมี 2 เพลงที่เธอมอบให้กับแฟนๆ และคนที่เธอรัก หนึ่งในนั้นคือ Love Wins All เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของคนที่พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อความรัก แม้อยู่ในโลกที่มีแต่สิ่งคอยกีดขวาง
มิวสิควิดีโอเพลงนี้ได้ผู้กำกับมือทอง ออม แทฮวา (Uhm Tae-Hwa) เจ้าของรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ Concrete Utopia (2023) มาช่วยถ่ายทอดเรื่องราว รวมถึง วี BTS หรือ คิมแทฮยอง ที่มาร่วมแสดงในครั้งนี้ด้วย มิวสิควิดีโอเล่าเรื่องของสองตัวละคร ไอยู และ วี ทั้งสองมีรอยบาดแผลเล็กๆ ทั่วตัว ไอยูคือหญิงสาวที่ไม่สามารถพูดได้และมีห่วงเล็กๆ ห้อยอยู่คล้ายกับการเจาะปากเพื่อตอกย้ำถึงความยากในการสื่อสาร ขณะที่วีเองใส่เลนส์สีขาวที่ตาข้างซ้ายเท่ากับการมีตาที่มองเห็นได้เพียงข้างเดียว ทั้งสองอาศัยอยู่ในโลกดิสโทเปียท่ามกลางซากปรักหักพัง โดยมีกล้องวิดีโอตัวหนึ่งฉายภาพถึงความสมบูรณ์ของโลกก่อนถูกทำลาย ทุกครั้งที่พวกเขามองผ่านกล้องตัวนี้จึงคล้ายกับการจินตนาการถึงชีวิตที่สมบูรณ์และความสุข โดยระหว่างที่เรื่องดำเนินไปทั้งคู่ต้องเผชิญกับการไล่ล่าจากกล่องปริศนา ที่ผู้กำกับใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงกรอบทางสังคม การกดขี่และการเลือกปฏิบัติ ทั้งคู่พากันหลีกหนีจากการไล่ล่าซึ่งแม้ท้ายที่สุดจะถูกตามทันก็ยังคงปกป้องและอยู่ข้างกันจนถึงนาทีสุดท้าย ก่อนจะสลายหายไปพร้อมกับการเป็นอิสระจากการกดขี่ทั้งหมดที่เผชิญมา
ภายหลังจากมิวสิควิดีโอถูกปล่อยออกมาได้มีการตีความสัญลักษณ์ต่างๆ ออกไปหลายรูปแบบ ซึ่งผู้กำกับออมแทฮวาเอง ไม่จำกัดว่าเป็นแบบใด ขณะที่ไอยูได้เขียนเล่าถึงประสบการณ์เกี่ยวเนื่องกับเพลงนี้เอาไว้ใน Track Intro โดยมีใจความว่าความรักนำพาให้เธอผ่านช่วงเวลาลบๆ ไปได้ เธอกล่าวย้อนไปถึงตอนอายุ 18 ปีที่ชีวิตพลิกผันในชั่วข้ามคืนและได้รับความรักอย่างล้นหลาม ในช่วงเวลาที่เป็นดั่งของขวัญนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เธอรู้สึกเปล่าเปลี่ยวและหวาดกลัวเมื่อคิดถึงจุดจบของเส้นทางนี้ แต่ด้วยความรักและความเชื่อมั่นจากแฟนๆ ที่มอบให้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้เด็กที่มองโลกในแง่ร้ายและขี้กังวลคนนั้นเปลี่ยนความคิดไปได้ เธอไม่กลัวอีกแล้วและอยากขออยู่ข้างทุกคนแบบนั้นเช่นเดียวกัน
“เพราะได้รับความรักมากมาย…ฉันหวังด้วยใจจริงว่าอยากให้ชีวิตทุกคนเต็มไปด้วยความรักมากกว่าความเกลียดชัง ให้สมกับที่ทุกคนเป็นคนที่น่ารักและมอบความรักดีๆ แบบนี้ให้ฉันค่ะ”
อ้างอิง
- www.nme.com/news/music/iu-says-she-is-in-a-new-chapter-of-her-life-as-she-approaches-her-thirties-3078514
- www.youtube.com/watch?v=E1JFROb_q04
- youtu.be/c0wdkD9Fqh0?si=BiHvqhbSw773Xwxt
- https://youtu.be/jjEOU4lE-AQ?si=TrnW0zmB48xYMzvU
- https://www.k-ennews.com/news/articleView.html?idxno=3974
- https://www.sportskeeda.com/us/k-pop/news-from-newjeans-hyein-blackpink-s-rose-iu-honors-female-idols-singers-generations-vcr-shh-performance#
- https://m.post.naver.com/viewer/postView.naver?volumeNo=40000742&memberNo=51071215
- https://youtu.be/-fVDDElsMkk?si=gZHM8AX9cxs_y6q7
- https://youtu.be/3qTNw5H7_90?si=rWqKcHh1I_EVcfBl
- https://m.entertain.naver.com/article/109/0005004442
ภาพ : EDAM ENT Official , IU Official