กอล์ฟ ปวีณ กับมิติความใหม่ของหนังไทยใน Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี
- Ghost Lab ฉีกกฏทดลองผี หนังผีสายวิทย์ ที่เป็นการร่วมสร้างสรรค์ออริจินัลคอนเทนต์ร่วมกันครั้งแรกของ GDH และ Netflix
- นอกจากผู้กำกับอย่าง กอล์ฟ ปวีณ ที่รับหน้าที่โปรดิวเซอร์เป็นครั้งแรก ยังมีทีมงานคนรุ่นใหม่คุณภาพแน่นอยู่เบื้องหลังมากมาย ทั้ง ปั๊ป-ภิไธย จาก แสงกระสือ, บิว-ปิยทัศน์ จาก Play Station หรือ Dylan C. Jones คอมโพสเซอร์ Trailer Music ระดับฮอลลีวูด
- Ghost Lab ฉีกกฏทดลองผี กำหนดฉายพร้อมกันทั่วโลก 26 พฤษภาคม พ.ศ.2564 บน Netflix พร้อมซับและเสียงพากย์หลายภาษา
“กูว่ากูเกิดมาเพื่อพิสูจน์ให้โลกได้รับรู้ว่ะ…ว่าผีมีจริง” หมอกล้า (รับบทโดย ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต) กล่าวขึ้นในตอนต้นของเทรลเลอร์ (Trailer) ภาพยนตร์ Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี
หากมีใครสักคนมาพูดสิ่งนี้ต่อหน้าผู้อ่าน คุณจะตอบอย่างไร จะพยักหน้าเห็นด้วยหรือบอกว่าเขาไม่น่าเชื่อเรื่องแบบนี้ หมอวี (รับบทโดย ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร) ทำสิ่งแรกนั่นคือเชื่อ แถมยังขอจับมือร่วมพิสูจน์ความอยากรู้ที่หยุดไม่ได้ด้วยคำพูดที่ว่า “กูเอาด้วย” นั่นจึงเป็นที่มาของการทดลองสุดหลอนซึ่งท้าทายความเชื่อด้วยหลักวิทยาศาสตร์ และชวนให้เราต้องไปติดตามในภาพยนตร์ว่าความเชื่อเรื่องผีที่เป็นขั้วตรงข้ามของวิทยาศาสตร์จะถูกพิสูจน์ด้วยวิธีการใด แล้วผลลัพธ์ของการฉีกกฎทดลองผีของหมอทั้งสองจะออกมาอย่างไร
ใครเป็นแฟนผลงานของ กอล์ฟ – ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับที่ฝากความหลอนไว้กับภาพยนตร์ “บอดี้..ศพ#19” “สี่แพร่ง”และ “ห้าแพร่ง” รวมทั้งล่าสุดกับความคมคายในซีรีส์ “เด็กใหม่ ซีซัน 2 ตอน ห้องสำนึกตน” น่าจะตื่นเต้นในการกลับมากำกับภาพยนตร์อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน แถมยังเป็นครั้งแรกที่กอล์ฟสวมบทบาทใหม่ นั่นคือการเป็นโปรดิวเซอร์ดูแลการผลิตทั้งหมดด้วย
ในการพูดคุยถึงเบื้องหลังเราได้ยินคำว่าครั้งแรกอยู่ในแทบทุกช่วงของบทสนทนาและกำลังจะกล่าวอีกครั้งว่านี่เป็น “ครั้งแรก” ที่ GDH และเน็ตฟลิกซ์ร่วมกันผลิตออริจินัลคอนเทนต์หลังจากทั้งคู่เป็นพาร์ตเนอร์พาหนัง GDH ลงฉายบนแพลตฟอร์ม เมื่อเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้วมาก่อนหน้านี้
“ผมว่าเน็ตฟลิกซ์เป็นชอยส์ที่ประจวบเหมาะกับเวลาและความเป็น Ghost Lab เพราะเป็นเรื่องที่ตั้งคำถามกับผี เป็นแนวคิดใหม่ และไม่ใช่หนังผีแบบที่จีดีเอชเคยทำ ซึ่งตัวผมเองตั้งแต่ที่ทำหลาย ๆ เรื่องมา ผมตั้งเป้าที่จะทำหนังผีในแบบที่ไม่เหมือนคนอื่นทำอยู่แล้ว เราอยากจะพาคำว่าผีออกจากกรอบเดิม ๆ…แล้วพอได้คุยและเห็นความตั้งใจของเน็ตฟลิกซ์ที่จะพาคอนเทนต์เราไประดับโลก เราก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเบสต์ชอยส์เลย หลังจากนั้นเราเลยมีการคุยกันในดีเทลว่าจะทำงานอย่างไรต่อตั้งแต่หนังยังถ่ายทำไม่เสร็จ ตอนนั้น “อ้ายคนหล่อลวง” ยังไม่เข้าฉายด้วยซ้ำ เราเตรียมการกันมาเยอะครับ” กอล์ฟเล่าถึงการร่วมโปรเจกต์กับเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งทำให้การเล่าบางประเด็นในหนังเกิดขึ้นจริงและไปได้ไกลขึ้น
ความเชื่อที่ต้องพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์
ต้นไอเดียของ Ghost Lab เกิดจากเวิร์กชอปการทำหนังของจีดีเอชที่ เก้ง-จิระ มะลิกุล ให้โจทย์การทำหนังแบบฉบับคู่หูแล้วกอล์ฟได้จับคู่กับ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ซึ่งในระหว่างเวิร์กช็อปมีคนพูดว่าห้องพักที่ โอ๋-ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ผู้กำกับเรื่อง HOMESTAY อยู่มีผี แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่จะรู้สึกกับประเด็นนี้ด้วยความกลัว สวนทางกับกอล์ฟและเต๋อที่ทั้งคู่กลับตั้งคำถามกลับว่า
“ถ้ามีคนไม่กลัวผี การที่เขาได้ไปเจอผี แทนที่คนเจอผีจะวิ่งหนี แต่กลับเดินไปถามว่าโลกหลังความตายมีจริงไหม หน้าตาเป็นอย่างไรล่ะ” ใช่แล้ว พล็อตเรื่องหมอคู่หูที่อยากจับผีมาร่วมทดลองเกิดขึ้นจากเวิร์กช็อปนั้น และเมื่อผ่านไปหลายปีกอล์ฟที่ยังสนใจไอเดียนั้นอยู่จึงเลือกหยิบประเด็นมาพัฒนาต่อ
“ผมว่าเรื่องนี้การทำบทยากประมาณหนึ่งเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าไม่มีใครมาตั้งคำถามกับเรื่องนี้ เราต้องทำให้คนดูรู้สึกได้ว่าสิ่งที่หมอกล้าและหมอวีถามเป็นเรื่องที่ควรจะถาม และหาคำตอบจริง ๆ หรือเปล่า คนอาจจะรู้สึกว่าเดี๋ยวตายไปก็รู้ว่าโลกหลังความตายเป็นอย่างไร จะรีบทดลองหาคำตอบไปทำไมตอนนี้ ตอนผมนั่งคุยกับน้องที่ช่วยเขียนบท น้องก็บอกว่าผีมันมีจริงอยู่แล้วพี่ จะมาถามทำไม ซึ่งการจะทำให้เรื่องพวกนี้กลายเป็นวิทยาศาสตร์นั่นคือการที่เราต้องมองผีในฐานะสิ่งที่ยังไม่ถูกค้นพบ เราไม่สามารถที่จะเขียนบทแล้วให้ผีแสดงอิทธิฤทธิ์เหมือนหนังผีที่เคยมีมาได้เลย สิ่งที่ตัวละครพบเจอในเรื่องไม่สามารถที่จะพูดถึงกลิ่นธูป หรือเรื่องความเฮี้ยนได้ มันจะต้องถูกพูดและอธิบายในลักษณะของวิทยาศาสตร์ทั้งหมด
“เราต้องรีเสิร์ชเยอะมากและโชคดีมาก ๆ ที่ผมมีที่ปรึกษาเป็นศัลยแพทย์มืออันดับต้น ๆ อยู่ที่รพ.ศิริราช เขาเป็นหมอรุ่นใหม่ที่ทันสมัย เราปรึกษาเรื่องนี้กับเขาได้ว่าเขารู้สึกอย่างไรถ้าตัวละครเป็นแบบนี้ มีคนเป็นแบบนี้จริงไหม ซึ่งก็ค้นพบว่ามีทั้งหมอที่เชื่อเรื่องผีสุด ๆ กับหมอที่ไม่เชื่อเรื่องผีเลย เรารีเสิร์ชและค้นพบว่ามีหมอเหมือนหมอกล้าและหมอวีเดินพาผม ต่อ และไอซ์ไปดูวิธีการทำงาน การผ่าตัด วิธีการพูดคุย การแซวกันของเขา เราเห็นแล้วก็โห…นี่ถอดแบบตัวละครที่เราเขียนมาเลย นั่นแปลว่าตัวละครมีจริงบนโลกใบนี้
“ผมมีที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์อีกคนคือ พีพี-พัทน์ภัทร นุธาพร เด็กไทยที่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ MIT (Massachusetts Institute of Technology) ที่เป็นสถาบันนวัตกรรมของโลก น้องคนนี้จะเป็นที่ปรึกษาให้ผมในเรื่องของหลักวิทยาศาสตร์ว่าถ้าเราอยากทำการทดลองแบบนี้มันมีจริงไหม พีพีจะเอางานวิจัยที่ MIT เคยทำมาแชร์ให้ผมว่ามีคนเคยรีเสิร์ชเรื่องมิติที่หก เรื่องการข้ามไปสู่ตรงนั้น ตรงนี้ กระทั่งถึงขั้นเอาเอกสารของ CIA ที่เคยทดลองในยุค 80 เกี่ยวกับเรื่องวิญญาณมาให้ ซึ่งเป็น Open Source ที่คนสามารถไปโหลดดูได้ แต่เราไม่เคยรู้มาก่อน เขาเอามาให้ผมดูว่าสิ่งที่เขาทดลองกันเขาจริงจังกับมันขนาดไหน ทำให้เราเอาสองสิ่งทั้งความเชื่อแบบไทย ๆ และวิทยาศาสตร์มาผสมผสาน ซึ่งเป็นแก่นหลักของหนังเรื่อง Ghost Lab หมอวีคือคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ หมอกล้าคือคนที่เชื่อในไสยศาสตร์มาเจอกัน หนังเรื่องนี้เอาสองสิ่งมาผสมกันในทุก ๆ ดีเทล ทั้งโปรดักชัน ดีไซน์ มิวสิก สกอร์ หรือ คอสตูม เราจะใช้สองสิ่งที่อยู่ตรงข้ามมาผสมกันเสมอ”
โจทย์ที่ท้าทาย
สิ่งที่เข้ามาเพิ่มความยากให้การถ่ายทำตลอด 3 เดือนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2563 นอกจากมาตรฐานคุณภาพระดับสากลแล้วคือสถานการณ์โควิด-19 ที่กอล์ฟและทีมงานต้องคอยบริหารเวลาและจำนวนคนให้มีสเกลเล็กลง รวมทั้งการสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยให้นักแสดง ไปจนถึงเรื่องโลเคชันก็เป็นอีกโจทย์หนึ่งที่โหดเอาการ
“ด้วยสถานการณ์โควิด-19 แล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับหมอที่อยู่ในโรงพยาบาล จึงแทบจะไม่มีโรงพยาบาลไหนให้เราถ่ายเลยเพราะเขาต้องเผื่อเอาไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน และในอีกมุมหนึ่งคือกลัวเรื่องการติดเชื้อด้วย สุดท้ายเราเลยไปหาวิธีดัดแปลงอาคารร้างมาเป็นโรงพยาบาลแทนเลย มีเรื่องการเตรียมการสร้างที่ลำบากมาก ๆ โลเคชันที่เราดูเอาไว้ก่อนการถ่ายทำเราเลือกที่ที่สวยและแปลกตาหลาย ๆ ที่ แต่สุดท้ายพอถึงเวลาจริงเราโดนแคนเซิลแทบจะ 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ต้องหาใหม่ เราก็ค่อย ๆ ลุยหา บางโลเคชันถ่ายไปเกือบจะจบเรื่องแล้วยังเพิ่งหาได้ในคิวสุดท้ายก็มี ด้วยเงื่อนไขของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าพูดตามตรงก็ท้าทายให้เราต้องแก้ไขปัญหาไปเรื่อย ๆ”
นักแสดงที่ถูกต้องและอินกับตัวละครที่สร้างไว้
ความแปลกใหม่ไม่ได้อยู่แค่เพียงเนื้อหาที่นำเสนอ แต่ในด้านการผลิต กอล์ฟยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มาร่วมทดลองตั้งแต่นักแสดงไปจนถึงทีมงานที่เสมือนเป็นการรวบรวมคนรุ่นใหม่มีความสามารถมาร่วมทีม ทั้งด้วยความบังเอิญและตั้งใจดังที่เราจะได้เห็นลุคใหม่บทบาทใหม่ของนักแสดงมากฝีมืออย่าง ต่อ-ธนภพ และการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของไอซ์-พาริส และ ณิชา-ณัฏฐณิชา
“ผมว่าต่อเขาเป็นนักแสดงคุณภาพอยู่แล้ว เป็นคนที่ท้าทายตัวเองตลอดเวลา ถ้าดูจากบทที่เขารับ เขาจะเลือกสิ่งที่ทำให้เขาได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ตามปกติทุกครั้งที่ผมเจอต่อ เขาจะเดินมาคุยกับผมเรื่องหนังเสมอว่า ‘ผมอยากทดลองเล่นบทที่ไม่ใช่พระเอกอะพี่ อยากเป็นตัวร้ายอะไรแบบนี้’ ผมก็งงว่าไอ้เด็กคนนี้อะไรของมัน หล่อขนาดนี้เป็นพระเอกไปก็ได้ แต่มันคือความท้าทายของตัวเขา แล้วพอเรียกมาแคสต์บทหมอวี ผมใช้คำว่าเขาเล่นและใส่พลังในการแคสติงแบบที่จะไม่ให้คนอื่นมาแย่งบทนี้ไปจากเขา ถ่ายเสร็จผมยังหันไปบอกกับน้องผู้ช่วยว่า นี่กะไม่ให้คนอื่นมาเล่นบทนี้แล้วใช่ไหมทำขนาดนี้ (หัวเราะ) คือเขาใส่อะไรหลายอย่างไปในสคริปต์แล้วเราก็รู้สึกว่า คนนี้คือใช่สำหรับบทหมอวี”
“สำหรับ ไอซ์-พาริส นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้แสดงหนังใหญ่ แต่เขาก็เพิ่งเล่นซีรีส์มา ผมว่าเขาเป็นเด็กที่มีความตั้งใจสูงและมีพลังบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่า คนแบบนี้เราอยากจะฟังเขาพูดว่า ‘เห้ย มึงไปค้นหาผีกับกูเถอะ’ ซึ่งกับคนอื่นเราอาจจะคิดว่าเขาพูดอะไร แต่พอเป็นไอซ์พูดเราจะรู้สึกว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงพูดสิ่งนี้ออกมา แสดงว่าเขามีแพสชันกับอะไรบางอย่างหรือเปล่า เหมือนเวลาเขาร้องเพลงหรือเต้น เขาจะมีแพสชันสุด ๆ ถ้าเห็น ไอซ์-พาริส บนเวที เขาจะเฉิดฉายมากกว่าคนอื่น ๆ ด้วยอะไรก็ไม่รู้ เราเลยรู้สึกว่าเขาเหมาะมากที่จะเป็นหมอกล้า เพราะต้องเป็นคนที่พูดทฤษฎีที่เรารู้สึกว่า ‘อะไรของมึง’ แต่เราก็ฟังเขาได้ ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเดินมาบอกเราว่า ‘พี่ ๆ ผมเจอผีมาว่ะ’ เราคงไม่ไปล้อเลียนเขา เลยได้มาเป็นสองคนนี้ แล้วเขาก็สนิทกันมาตั้งแต่โปรเจกต์ 9×9 อยู่แล้ว
“สำหรับณิชา เราพยายามหานางเอกที่เป็นยอดฝีมือรุ่นใหม่ ต้องบอกตามตรงว่าวันที่ทีมเสนอชื่อขึ้นมาผมไม่รู้จักน้องณิชาเลย เราแคสติงนางเอกหลาย ๆ คนในเมืองไทย น้องณิชาเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาแคสติง และทำได้ดีมาก ๆ ผมรู้สึกว่าน้องเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์และฉลาด ฉลาดในที่นี้คือ เวลาเราทำแคสติงกันจะต้องมีการเวิร์กชอปตัวละครเพื่อให้เขาเข้าใจ แต่เราแค่เล่าสั้น ๆ ว่าตัวละครนี้แบ็กกราวนด์เป็นแบบนี้แล้วให้เขาเล่นเลย ระหว่างที่เขาเล่นผมก็จะพูดไปเลยว่า ขอปรับตรงนี้นิดหนึ่ง ซึ่งนักแสดงปกติอาจจะต้องใช้เวลาในการคิดว่าถ้าคนแบบนี้ คาแรกเตอร์แบบนี้ ต้องทำหรือพูดคำว่าอะไรออกมา แต่ณิชาเหมือนดีดนิ้วแล้วเขาเปลี่ยนได้เลย ซึ่งผมอะเมซิงมาก รู้สึกว่าเก่งมาก และคิดว่าคนนี้น่าจะแบกหนังในส่วนที่ผมดีไซน์เอาไว้ได้ เลยแฮปปี้มาก ซึ่งหลังจากการทำงานและเห็นผลลัพธ์ที่ออกมาก็รู้สึกดีที่เราเลือกน้องณิชา คนนี้แหละถูกต้องแล้ว”
ทีมงานคนรุ่นใหม่
จากฟีดแบ็กซีรีส์เด็กใหม่ซีซัน 2 ตอนห้องสำนึกตนที่มีการพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล บวกกับผลงานที่ผ่านมาน่าจะการันตีได้ว่างานภาพของ Ghost Lab ต้องมีสไตล์ที่แตกต่างและทะเยอทะยาน ซึ่งกอล์ฟกล่าวว่าก่อนถ่ายทำเขาตัดต่อทุกอย่างในหัว ดีไซน์ภาพและจังหวะการเรียงเรื่องที่ต้องการอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ยังเป็นบทอยู่แล้ว การได้มาซึ่งภาพที่ต้องการจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจริงจัง
“ผมอยากให้เครดิตน้องที่มากำกับภาพให้ผมชื่อ ปั๊ป-ภิไธย สมิตสุต เขาเคยถ่ายเรื่องแสงกระสือมา ผมเจอเขาตอนที่ถ่ายเลือดข้นคนจางกับพี่ย้งแล้วรู้สึกถูกชะตา ด้วยวิธีการทำงานของเขาที่ทำงานแบบเด็กรุ่นใหม่ ผมเป็นพวกชอบทดลองเหมือนหมอในเรื่อง เลือกเอาคนใหม่ ๆ นี่แหละมาลองทำอะไรใหม่ ๆ ซึ่งน้องปั๊บตอนนี้ไปถ่ายหนังเป็นกล้องสองให้ Martin Scorsese อยู่ที่อเมริกา เขาเก่งมาก เรารู้สึกตื่นเต้นมากเลย ช่วงที่ Spike Lee มาถ่ายหนังเรื่อง Da 5 Bloods ในเมืองไทยก็เป็นปั๊ปที่ไปถ่ายกล้อง Steadicam ให้ ปั๊ปมาช่วยเราและทำได้ดีมาก ๆ …เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ดึงคนเก่ง ๆ รุ่นใหม่ ๆ มาทำ”
“น้องบิว-ปิยทัศน์ เหมสถาปัตย์ ที่ทำเพลงประกอบให้ผม ก็ไม่เคยทำงานหนังใหญ่มาก่อน ผมไปเจอในเฟซบุ๊กว่าเขาทำเพลงอยู่ที่อเมริกากับบริษัท Play Station ที่ทำวิดีโอเกม ซึ่ง Play Station ไม่ค่อยจ้างคนทำเพลงเท่าไร แต่น้องคนนี้มีความสามารถมากจน Play Station จ้างทำเพลง ผลงานที่เขาทำมีทั้ง Ghost Of War, Demon Soul, Ghost of Tsushima เป็นเกมที่ได้รางวัลทั้งนั้นเลย เราก็ตกใจมากว่ามีเด็กไทยทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เลยจีบน้องเขาไปว่าอยากให้น้องมาลองทำให้ ซึ่งเราทำงานข้ามประเทศกัน เพราะเขาต้องอยู่ที่อเมริกา และผลลัพธ์ที่ออกมาถ้าถามผม ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยผมแฮปปี้มาก เราไม่เคยได้ยินซาวนด์แบบนี้ในหนังไทยมาก่อน มันระดับโลกมาก ๆ เลย
“สกอร์ในเทรลเลอร์หนังเป็นอีกเรื่องที่เราดีใจมาก ๆ คือบิวบอกผมว่าที่ฮอลลีวูด เทรลเลอร์หนังเขาจะไม่ได้ให้คอมโพสเซอร์ทำ เขาจะมีคอมโพสเซอร์มืออาชีพที่ทำแต่ตัวอย่างหนังเท่านั้น ซึ่งใช้คนละศาสตร์กันตัวอย่างหนังคือการบิวด์ให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นในเวลาสองนาทีครึ่ง ซึ่งบางทีคอมโพสเซอร์อาจจะไม่ได้มีความถนัดแบบนั้น บิวเลยไปชวนเพื่อนเขาคนหนึ่งที่ดังมากอันดับต้น ๆ ของฮอลลีวูดมาช่วยทำสกอร์เทรลเลอร์ให้ชื่อ ดีแลน (Dylan C. Jones) บิวส่งพอร์ตดีแลนมาให้ผมดู ซึ่งเขาเคยทำสกอร์ตัวอย่าง Star Wars: The Rise of Skywalker, Aqua Man, Soul, WandaVision อะไรแบบนี้ ผมเห็นแล้วช็อกเลยว่า เห้ย คนนี้จะมาทำสกอร์ตัวอย่าง Ghost Lab เราเนี่ยนะ บิวบอกใช่ครับ ผมชวนคนนี้มาทำให้พี่เลย ซึ่งผมดีใจมากที่ดีแลนมาช่วย เป็นความฟินส่วนตัวเลยที่เราได้คนทำงานที่ไม่คิดฝันว่าจะได้ร่วมงานกัน แถมรวบรวมมาด้วยความบังเอิญอีก”
นอกจากความสนุกและตื่นเต้นของทีมงานที่ได้เรียนรู้วิธีการทำงานระดับโลกและคนดูที่จะได้ติดตามหนังผีแนวใหม่แบบที่จีดีเอชไม่เคยทำ สิ่งที่น่าสนุกของชาวเนิร์ดทั้งฝั่งคนทำและคนดูคือการที่กอล์ฟโปรยทิ้งท้ายเอาไว้ว่าเรื่องนี้เขาสนุกกับการใส่ Easter Eggs ไว้มหาศาลหลังจากไม่ได้กำกับหนังยาวมานาน ซึ่งแอบหวังว่าคนดูจะมองเห็นและสนุกไปกับการดู ก่อนจะเปิดการ์ดคำใบ้ทิ้งไว้ให้หนึ่งใบว่า
“เราพยายามใส่สิ่งที่ชอบลงไปในหนังซึ่ง Ghost Lab เป็นหนังคู่หู ผมก็จะทริบิวต์หนังคู่หูที่ผมชอบลงไป มีอยู่ 4-5 เรื่อง ผู้ชมลองดูก็ได้ว่าจะมีหนังคู่หูเรื่องไหนที่ผมทริบิวต์ใส่ไว้บ้าง ผมว่าผมใส่ไว้ชัดมาก แต่ก็มั่นใจว่าคนที่ดูรอบแรกไม่น่าจะเห็น ถ้ามาดูรอบสองแล้วเห็น ผมว่าทุกคนจะขำก๊ากออกมาเลยว่ากล้าทำแบบนี้เลยเหรอ”
Fact File
- รับชมภาพยนตร์ Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี ได้ทาง Netflix ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
- Official Trailer : youtu.be/nbFQg8CNUzI
- Facebook : GDH