Brand Story

La Luna Gallery แกลเลอรีร่วมสมัยในอาคารเก่ากว่า 80 ปี ย่านวัดเกต

Focus

La Luna Gallery แกลเลอรีศิลปะร่วมสมัยย่านวัดเกต จังหวัดเชียงใหม่ ที่ยังคงอนุรักษ์อาคารเก่าอายุกว่า 80 ปีเอาไว้เช่นเดิม
La Luna Gallery ตั้งใจให้พื้นที่เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงทั้งความรู้และคอนเนกชันอันมีศิลปะเป็นสื่อกลางเชื่อมผู้คนกับศิลปะเข้าด้วยกัน โดยเปิดพื้นที่ให้กับทั้งศิลปินไทย เอเชีย ไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ และกำลังมีแผนจะเปิดศูนย์เซรามิกเพิ่มเติมในอนาคต

ชุมชนวัดเกต จังหวัดเชียงใหม่ เรียกได้ว่าเป็นย่านเก่าแก่ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ที่เป็นชุมชนย่านการค้าจากที่ตั้งริมฝั่งแม่น้ำปิง เส้นทางคมนาคมทางเรือที่สำคัญในอดีต และยังเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางศาสนาทั้งศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามและซิกข์ นอกจากวัดเกตการามซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี ย่านนี้ยังคงมีสถาปัตยกรรมตึกเก่าแทรกตัวอยู่มาก หนึ่งในนั้นคือ La Luna Gallery ที่ยังคงอนุรักษ์อาคารหลังเก่าอายุกว่า 80 ปีเอาไว้เช่นเดิม

ลาลูน่าแกลเลอรี เป็นความตั้งใจของ Sabine Zimpfer ชาวเยอรมันที่ย้ายมาอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 20 ปีแล้ว จากความชื่นชอบในงานศิลปะและรักการเก็บสะสม เธอจึงรู้จักและคุ้นเคยกับ La Luna Gallery ที่เดิมที่เคยตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นว่าเจ้าของเดิมจะไม่สานต่อแกลเลอรีแล้ว Sabine จึงขอรับช่วงใช้ชื่อเดิมแล้วย้ายที่ตั้งมาอยู่ที่อาคารหลังปัจจุบัน ซึ่งในตอนนั้นเป็นอาคารว่างอยู่พอดี

เกี๊ยว-เกวรีย์ จินะวงค์ Gallery Coordinator ให้ข้อมูลว่าอาคารสไตล์โคโรเนียลหลังนี้เปลี่ยนผ่านมาหลายช่วงทั้งร้านอาหาร แกลเลอรีหรือร้านค้า ซึ่งรูปแบบและการตกแต่งไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิม สำหรับการเปิดเป็นแกลเลอรีในปัจจุบันเพียงบูรณะรักษาและกั้นฉากภายในขึ้นสำหรับพื้นที่จัดแสดงเท่านั้น เห็นได้จากไม้ กระเบื้องและตู้เซฟเก่าที่ปัจจุบันยังคงตั้งอยู่ที่เดิม

นอกจากการเปิดพื้นที่ภายในอาคาร 2 ชั้นสำหรับจัดแสดงศิลปะร่วมสมัยแบบไม่จำกัดแขนงหรือเทคนิคการสร้างสรรค์ซึ่งมีแผนหมุนเปลี่ยนนิทรรศการทุก 3-4 เดือน (หากไม่เจอสถานการณ์โควิด-19) Sabine ยังตั้งใจให้พื้นที่นี้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงทั้งความรู้และคอนเนกชันอันมีศิลปะเป็นสื่อกลางเชื่อมผู้คนกับศิลปะเข้าด้วยกัน

ลาลูน่าแกลเลอรี เปิดนิทรรศการแรกอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมพ.ศ.2562 ด้วยนิทรรศการชื่อ “ChiangMai Art Connecting” รวบรวมผลงานของ 20 ศิลปินไทยและต่างประเทศทั้งเวียดนาม เนปาล เกาหลี อินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยมี Trinh Tuan ศิลปินร่วมสมัยชาวเวียดนามมาเป็นภัณฑารักษ์ และด้วยแกลเลอรีต้องการให้เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสในการเชื่อมโยงพื้นที่ทางศิลปะ นิทรรศการครั้งที่ 2 “Reconnecting” จึงเกิดขึ้นโดยการจัดแสดงผลงานของศิลปินโลคัลในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ศิลปินรุ่นใหญ่ถึงศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตภาคพายัพ ตลอดจนนิทรรศการพิเศษวันสตรีสากลที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและนิทรรศการอื่น ๆ ที่ตามมา

ผลงานศิลปะที่จัดแสดงบางส่วนเป็นผลงานของศิลปินที่หมุนเวียนนำมาจัดแสดง และบางส่วนมาจากการสะสมของ Sabine โดยเฉพาะงานศิลปะที่สร้างสรรค์โดยเทคนิค Lacquer Painting หรือเทคนิคแบบเครื่องเขินที่ Sabine ชื่นชอบเป็นพิเศษ เช่นผลงานของ Trinh Tuan และ Kim Cong Hoa สองศิลปินชาวเวียดนามที่มีผลงานเป็นเอกลักษณ์และจัดแสดงมาแล้วทั่วโลก

“ไฮไลต์ของที่นี่คือ Lacquer Painting ที่ปกติส่วนใหญ่เราจะเห็นเป็นภาชนะ แต่ที่เวียดนามจะทำมาเป็นงานอาร์ตอย่างการเพนต์บนไม้หรือโลหะ เสน่ห์ของมันคือกว่าจะได้ออกมาเป็นชิ้นงานหนึ่งชิ้น จะต้องลงสีและขัด ๆ ถู ๆ ทาทับไปเรื่อย ๆ เป็น 20-30 ชั้น และสำหรับแต่ละประเทศก็จะมีการพัฒนาเทคนิคที่ไม่เหมือนกัน วัตถุดิบอย่างต้นรักเองก็ให้ผลผลิตที่ไม่เหมือนกันด้วย ทำให้สีที่ได้ก็จะเอฟเฟกต์ต่องานไม่เหมือนกัน แล้วอีกอย่างก็มีความยากเกี่ยวกับการทำงานกับรัก ด้วยกระบวนการใช้ยางรัก ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะแพ้ได้ เพราะฉะนั้นคนที่ทำงานเกี่ยวกับรักหรือเครื่องเขินก็เลยจะหายากเหมือนกัน” เกี๊ยวอธิบาย

นอกจากส่วนจัดแสดง ลาลูน่าแกลเลอรี ยังเปิดพื้นที่ให้กิจกรรมทางศิลปะและเวิร์กชอปอยู่เป็นประจำ เช่นที่ผ่านมาอย่าง กิจกรรมสีน้ำเชิงทดลอง ศิลปะบำบัดเยียวยาจิตใจ ศิลปะสำหรับเด็ก และงานเซรามิกที่กำลังมีแผนจะเปิดศูนย์เซรามิกเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จราวปี พ.ศ.2565

Fact File