Azabu Sabo แบรนด์เจลาโต้สัญชาติญี่ปุ่น ที่พลิกวิกฤติเป็นคอลเลกชันพิเศษ

เปิดบ้านใหม่เป็นหลังที่ 6 แล้วสำหรับ อาซาบุ ซาโบะ (Azabu Sabo) แบรนด์ไอศกรีมเจลาโต้สัญชาติญี่ปุ่นที่บินข้ามมาเปิดในเมืองไทยถึง 5 สาขาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งสาขาใหม่ล่าสุดนี้ขอลงหลักปักฐานที่ชั้น G สยามพารากอน โซนเดอะกูร์เมต์ การ์เดน ให้เหล่าไอศกรีมเลิฟเวอร์ได้แวะชิมความละมุนของเจลาโต้สไตล์ญี่ปุ่นถึงใจกลางเมือง พร้อมคอนเซ็ปต์ร้านใหม่แบบ เจลาโต้ บาร์ และคอลเลกชันสนุก ๆ ที่หาชิมได้แค่สาขาในประเทศไทยเท่านั้น 

แต่ก่อนที่เราจะไปชิมกัน ต้องขอนั่งไทม์แมชชีนเล่าย้อนไปก่อนว่า จริง ๆ แล้ว Azabu Sabo เป็นแบรนด์แฟรนไชน์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นในลักษณะของคาเฟ่ที่เสิร์ฟทั้งอาหารคาวและของหวาน ซึ่ง พรพจน์ สกุลรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ เอ โอ พรอสเพอร์ริตี้ จำกัด ได้เล่าให้ Sarakadee Lite ฟังว่าการที่เขานำเข้าแบรนด์นี้มาให้นักกินคนไทยได้ลิ้มลองก็เพราะแพสชันล้วน ๆ

“Azabu Sabo ที่ญี่ปุ่นอยู่มานานมาก เขาเป็นคาเฟ่ที่ไม่ได้มีแค่ไอศกรีมอย่างเดียว และมีหลายสิบสาขาทั่วญี่ปุ่น คนที่ไปญี่ปุ่นจะรู้จักแบรนด์นี้ในระดับหนึ่งเพราะว่าเขาไปกินข้าวแล้วสามารถกินของหวานต่อได้เลยในคาเฟ่เดียว ตอนเราไปติดต่อขอซื้อเฟรนไชน์มาก็กลัวเหมือนกันว่าเขาจะไม่ให้ เพราะนี่เป็นกิจการร้านอาหารแรกที่เราทำ แต่เขาคงเห็นว่าเรามีแพสชันด้านอาหารจริง ๆ

“สำหรับในไทยเรานำเข้ามาเฉพาะส่วนที่เป็นไอศกรีม ลักษณะแบบนี้จะมีอยู่ที่สิงคโปร์ เวียดนามแล้วก็ไทย ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้วในไทยเราเปิดไป 5 สาขา ทำให้บริษัทที่ญี่ปุ่นได้เล็งเห็นว่าธุรกิจไอศกรีมล้วนๆ ก็ไปได้นะ เขาก็เลยเปิดร้านเจลาโต้อย่างเดียวสาขาแรกในญี่ปุ่นด้วยหลังจากที่ไทยเราเปิด อยู่ที่อากิฮาบาระ ซึ่งเป็นแหล่งนักท่องเที่ยว ตอนที่เขาเปิดสาขานั้นเรายังส่งพนักงานเราไปช่วยตักเลยเพราะตัวไอศกรีมมีเอกลักษณ์ที่ตักไม่ง่าย ที่ญี่ปุ่นเขาหาพนักงานยากมาก เพราะคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยทำงานประจำ ชอบทำพาร์ตไทม์แล้วเขาฝึกไม่ทัน เราก็เลยส่งคนไปช่วยเพราะคนไทยตักสวย มีความประณีต และเรามองว่าเจลาโต้เป็นศิลปะ”

สำหรับ เจลาโต้ บาร์ สาขาใหม่ล่าสุดนี้ นอกจากโทนสีของร้านจะปรับให้ดูเรียบและสุขุมขึ้นด้วยโทนฟอเรสต์กรีนแล้ว ยังเพิ่มความสดใสขึ้นอีกนิดด้วยชุดยูนิฟอร์มของพนักงานที่ออกแบบใหม่โดยห้องเสื้อ Milin ด้วยคอนเซ็ปต์การดีไซน์ให้ดูมีความเป็นศิลปิน และกลิ่นความ Artisan จากการตีความว่าไอศกรีม Azabu Sabo เป็นเหมือนงานศิลปะอย่างหนึ่ง ซึ่งจากการยืนดูอยู่หน้าตู้ไอศกรีมก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะปาดไอศกรีมขึ้นรูปใส่บนโคนได้ต้องอาศัยทักษะการฝึกฝนและดูเป็นงานศิลปะจริง ๆ 

อย่างที่รู้กันว่าจุดขายของ Azabu Sabo คือเนื้อสัมผัสที่นวลเนียน ความหอมของตัวไอศกรีมที่ได้จากวัตถุดิบแท้ ๆ และการตักเสิร์ฟที่เป็นเอกลักษณ์

“เราเคยได้อินบ็อกซ์จากลูกค้าที่เราไม่รู้จัก มากินไอศกรีมที่ร้านแล้วบอกขอบคุณ เขาบอกว่า เขาเป็นคนแพ้สารเคมีในอาหาร กินอาหารสำเร็จรูปไม่ได้ เขากินไอศกรีมไม่ได้มานานแล้ว แต่เขากินของเราได้เขาดีใจมาก เราอ่านแล้วเราก็ดีใจที่ทำให้เขาแฮปปี้ได้ เราก็เลยยังคงคอนเซ็ปต์ Less Chemical อยู่ คือไม่แต่งสีไม่เติมกลิ่น สีและกลิ่นของไอศกรีมจะมาจากวัตถุดิบธรรมชาติเป็นหลัก” 

แน่นอนว่ารสชาติที่ครองใจแฟน ๆ แบรนด์นี้แบบยืนหนึ่งคือ นมฮอกไกโดและชาเขียวที่มีให้เลือกถึง 2 ระดับความเข้ม ใครที่คิดถึงเมนู ดับเบิลโคน ที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ก็อย่าเพิ่งเสียใจว่าจะอดกินหรือเปล่าเพราะเขายังมีเมนูโคนให้สามารถสั่งกินได้อยู่ โดยที่พนักงานทุกคนจะสวมทุกมือ หน้ากากผ้ารวมถึงเฟซชิลด์ เพื่อป้องกันและแยกหน้าที่กันอย่างชัดเจน

แต่ไฮไลต์ที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดสำหรับซีซันนี้คือคอลเลกชันพิเศษที่เกิดขึ้นมาเรียกสีสันให้สถานการณ์ช่วงนี้อย่าง Truffle Collection ที่จับเห็ดทรัฟเฟิลมาเจอกับนมฮอกไกโดได้อย่างลงตัว สำหรับเมนู Gelato Truffle ตัวไอศกรีมให้กลิ่นรสทรัฟเฟิลแบบเต็มคำตามมาด้วยสัมผัสความนวลเนียนของนมฮอกไกโดในตอนท้าย เสิร์ฟคู่กับเพลนครัวซองต์ชิ้นจิ๋วซึ่งทำหน้าที่ตัดรสได้เป็นอย่างดี Monaka Truffle ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูพิเศษในไลน์นี้ที่เสิร์ฟแบบน่ารักด้วยการสอดไส้ไอศกรีมรสทรัฟเฟิลไว้ในเวเฟอร์ลายดอกไม้นำเข้าจากญี่ปุ่น เหมาะทั้งกับการซื้อกลับบ้านและกินที่ร้าน เมนูนี้ตัวไอศกรีมจะให้รสที่ซอฟต์ลงกว่า Gelato Truffle ใครที่ไม่ขอปะทะทรัฟเฟิลแบบตู้ม ๆ น่าจะถูกใจ

ความพิเศษไม่ได้มีแค่นั้น อะซาบุ ซาโบะ ประเทศไทยและญี่ปุ่นยังขอเอาใจสายขนมหวานด้วย Kanom Collection ที่ต่อคิวกันมาถึงสามสไตล์ทั้งไทย จีนและตะวันตก ด้วยการแปลงโฉมไอศกรีมมาจัดเสิร์ฟแบบขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็นทับทิมกรอบ ทุเรียนกะทิทิรามิสุ บานอฟฟี่ แปะก๊วยนมสด และ บัวลอยน้ำขิง เหมือนได้กินขนมหวานต่าง ๆ ในรูปแบบไอศกรีมรสชาติแน่นที่ไม่ได้หลอกดาวด้วยชื่อเมนูแต่อย่างใด

แต่เมนูที่ฟังก์ชันที่สุดต้องขอยกตำแหน่งให้ Hokkaido Snow Drink ที่ได้ไอเดียมาจากสถานการณ์ช่วงโควิด-19

“พอโควิดมา หน้าร้านเราถูกปิด เราเลยต้องมองว่าดิลิเวอรีคืออะไร ต้องทำอย่างไรบ้าง Hokkaido Snow Drink เป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด อันนี้จะเรียกว่าเป็นเครื่องดื่มก็ได้ เป็นของหวานก็ได้ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างบิงซู สเลอปี้ และไอศกรีม

“เมนูนี้เกิดจากไอเดียที่คิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าได้กินของดี ๆ เลยลองปรับและครีเอตโปรดักต์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากและเหมาะกับการดิลิเวอรี เพราะตัวนี้จะแข็งมาก ถ้าเสิร์ฟที่ร้านอาจจะต้องรอ 30 นาที ซึ่งระยะเวลาดิลิเวอรีโดยประมาณจะอยู่ที่ราว 30-40 นาที ทำให้พอส่งถึงลูกค้าเขาจะสามารถกินได้เลย เวลาขนส่งเราก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องอยู่ในกล่องเก็บความเย็น หรือต้องมีดรายไอซ์ เมนูนี้สามารถกินได้ 3 รูปแบบ หนึ่งคือการตักกินเหมือนบิงซู สองคือรสนมฮอกไกโดและชาเขียวเราจะมีท็อปปิ้งให้เลือกใส่ได้ ทำให้ได้รสชาติเพิ่มขึ้น สามคือการทิ้งให้ละลายนิดหนึ่งแล้วใช้หลอดดูดเป็นสเลอปี้ แก้วเดียวคุ้ม” 

แวะไปวันเดียวน่าจะไม่พอเพราะ Azabu Sabo เขาขอฉลองสาขาใหม่แบบจัดเต็มด้วย Affogato Collection สำหรับคอกาแฟขอให้จิ้มเมนู Affogato Espresso อย่างไม่ต้องลังเล ส่วนสาวกมัทฉะตัวจริงน่าจะเทใจให้การเสิร์ฟชาเขียวแบบดับเบิลใน Affogato Green Tea ที่นำเจลาโต้ชาเขียวเข้มข้นมาท็อปด้วยชาเขียวนำเข้าจากญี่ปุ่นอีกที ซึ่งสองเมนูนี้สามารถเปลี่ยนเป็นรสชาติไอศกรีมอื่น ๆ ได้ตามต้องการ ที่สำคัญคือคอลเลกชันนี้และทรัฟเฟิลคอลเลกชันมีเสิร์ฟแบบเอกซ์คลูซีฟเฉพาะสาขาสยามพารากอนเท่านั้น ไปลองกัน วัตถุดิบดีงาม เหมาะกับทุกวัยและองศาความร้อนของอากาศเมืองไทยจริง ๆ 

Fact File

• Facebook : AzabuSabo Thailand
• Instagram : azabusabo.th