8 วิธีเคลียร์ใจ : ทิ้งความหนักหน่วงในปีเก่า เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความปังยิ่งกว่า
- ช่วงเวลาเริ่มต้นปีใหม่ นอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองการก้าวข้ามปีแล้วก็ยังเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้พักแล้วหันกลับมากอด ปลอบโยน และขอบคุณตัวเองให้กับทุกความสำเร็จ รวมทั้งความล้มเหลวที่เกิดขึ้น
- ปีใหม่ยังถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดีๆ ในการทบทวนตัวเองอีกครั้ง ทั้งต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต สถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า รวมไปถึงความต้องการต่ออนาคตที่เราวาดหวังอยากให้เป็น
ช่วงเวลาเริ่มต้นปีใหม่ นอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองการก้าวข้ามปีแล้วก็ยังเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้พักแล้วหันกลับมากอด ปลอบโยน และขอบคุณตัวเองให้กับทุกความสำเร็จ รวมทั้งความล้มเหลวที่เกิดขึ้น พร้อมปรบมือดังๆ ให้กับความอดทนของตัวเองต่อเรื่องที่เราต้องฮึบใจสู้มาตลอดทั้งปี นอกจากนี้ปีใหม่ยังถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดีๆ ในการทบทวนตัวเองอีกครั้ง ทั้งต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต สถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า รวมไปถึงความต้องการต่ออนาคตที่เราวาดหวังอยากให้เป็น
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลไม่มากก็น้อยต่อวิธีและทางที่เราจะเริ่มวิ่งต่อไปในอีก 365 วันของปีใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ฉะนั้นเพื่อเป็นการวอร์มร่างให้พร้อมออกเดินทางบนเส้นทางชีวิตอีกหนึ่งปีเต็ม เริ่มต้นปีใหม่นี้เราจึงขอชวนทุกคนมาเคลียร์ใจ เคลียร์ความหนักอึ้งของปีเก่ากับ 8 วิธีเคลียร์ใจ ทิ้งความหนักหน่วงของปีเก่า และมาเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความปังไปพร้อมๆ กัน
รีวิวตัวเอง
ธรรมเนียมปลายปีที่เราเชื่อว่าหลายคนทำกันทุกปีอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะถนัดเขียนเป็นไดอารีหรือโพสต์ข้อความลงบนโซเชียลก็ตาม ข้อดีของการรีวิวตัวเองอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการได้ผ่อนลมหายใจและพักเหนื่อยต่อสิ่งที่เรากำลังวิ่งตามลงชั่วขณะ เปลี่ยนจากเป้าหมายที่ทำให้เราต้องพุ่งตัวไปข้างหน้าเสมอ กลับมาหยุดนิ่งๆ และใช้เวลากับตัวเองอีกครั้ง ซึ่งเราอาจจะใช้วิธีนี้เป็นการ วิธีเคลียร์ใจ ระหว่างปีหรือไม่ก็กับสิ่งที่ติดค้างในใจอยู่ด้วยก็ได้เช่นกัน โดยการรีวิวตัวเองไม่จำเป็นเลยที่จะต้องโฟกัสว่าเราทำอะไรได้ ไม่ได้ ถึงเป้าหมาย ไม่ถึงเป้า สำเร็จ หรือล้มเหลว แต่การรีวิวตัวเองเป็นอีกทางให้เราได้เรียบเรียงความคิดมากมายที่ฟุ้งกระจายและสะสมมาตลอดปีเก่า คล้ายกับการจัดลิ้นชักความคิด ช่วยให้เคลียร์อารมณ์ เคลียร์ใจ ได้ไม่มากก็น้อย
ใช้เทคนิค Manifest
มีทฤษฎีหนึ่งที่ได้รับความสนใจและพูดถึงอย่างมากในปีนี้นั่นคือ ทฤษฎีจิตดลบันดาล (Manifest) หรือการเชื่อในกฏแรงดึงดูดของจักรวาลและเชื่อในตัวเองว่าจะสามารถนำพาสิ่งที่ปรารถนามาสู่ชีวิตได้ ซึ่งหลักการของ Manifest ก็ซ่อนไว้ด้วยวิธีต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการนึกภาพให้ชัดเจนที่สุด และตัวช่วยในข้อนี้คือการทำวิชันบอร์ดที่ไม่ได้มีข้อดีแค่ช่วยให้เราเห็นสิ่งที่ต้องการอย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งหนึ่งระหว่างทางคือช่วงเวลาของการเป็นอิสระในการเขียนทุกสิ่งลงไปแบบไม่ยั้งอย่างไม่กังวลต่อเงื่อนไขและความกลัว
จดบันทึกสิ่งที่ดี แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย
ในชีวิตที่วิ่งเร็วและต้องตามให้ทันทุกๆ อย่างราวกับว่าไม่มีอะไรรอได้ บ่อยครั้งเวลาผ่านไปโดยที่เราไม่ทันได้สังเกตจนอาจจะเผลอสรุปไปว่าวันนี้ เดือนนี้และปีนี้เป็นวันที่แย่ แม้มีช่วงเวลาที่รู้สึกไม่ดีเพียงหนึ่งเรื่องก็ตาม การจดบันทึกสิ่งที่ดีแม้เป็นเรื่องเล็กน้อยประจำวันอย่างเช่น วันนี้อากาศดี อาหารอร่อยหรือบังเอิญเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้เราสามารถเห็นว่าในแต่ละวันต่างก็เต็มด้วยความรู้สึกที่ดี หรือหากใครถนัดทำเป็น Mood Tracker เพื่อติดตามอารมณ์ความรู้สึกในแต่ละวันก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของความรู้สึกได้ดียิ่งขึ้น
จัดการฟีดโซเชียลมีเดีย
ทุกแพลตฟอร์มมีประโยชน์แต่ก็ปฏิเสธได้ยากว่าการเลื่อนผ่านหน้าฟีดในแต่ละวันสามารถสร้างผลกระทบได้ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ การเลื่อนฟีดอย่างมีสติและรับรู้ว่าสิ่งไหนส่งผลต่อเราอย่างไร จะทำให้เราสามารถจัดการกับสิ่งเหล่านั้นได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการปิดแจ้งเตือนโพสต์หรือเลิกติดตามสิ่งที่จะเข้ามากระตุ้นความรู้สึกไม่ดีเพื่อให้เราสามารถเชื่อมโยงกับส่ิงที่สนใจจริงๆ ได้มากขึ้น
ปักหมุด Wellness Destination
เทรนด์สุขภาพถือเป็นอีกประเด็นที่ผู้คนหันกลับมาให้ความสำคัญโดยเฉพาะการสร้างสมดุลระหว่างการมีสุขภาพที่ดีและการหาความสุข การลงทุนกับไลฟ์สไตล์โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) จึงเป็นหนึ่งหัวข้อที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการได้ออกไปท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหลังจากเฝ้ารอมานาน และการส่งเสริมสุขภาพไปพร้อมๆ กัน ด้วยคอร์สโปรแกรมของแหล่งท่องเที่ยว อย่างการอาบป่า สปา คอร์สอาหารเพื่อสุขภาพหรือการแช่ออนเซ็นภายในที่พักเพื่อผ่อนคลายทั้งจิตใจและกล้ามเนื้อ ซึ่งตอนนี้โปรแกรม Wellness มีให้เลือกหลากหลายมาก สามารถออกแบบได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ทำให้ใจและกายผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน
Rest Stops
จากการคาดการณ์เทรนด์สำหรับปี 2024 ของเว็บไซต์ Pinterest ได้พูดถึงอีกหนึ่งเทรนด์การท่องเที่ยวเอาไว้โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Milennials ที่มีเกณฑ์จะเลือกเดินทางไปยังสถานที่ที่ให้บรรยากาศสบายๆ มากกว่าการเดินทางไปยังจุดหมายที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนและอยู่กับแพลนทริปอันแน่นเอี๊ยดตลอดวัน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้เราได้มีช่วงเวลากลับมาคอนเนคและจัดสมดุลให้กับชีวิตของตัวเองกันอีกครั้ง
Bathleisure
จากเทรนด์แฟชั่นที่ถูกจุดขึ้นในปี 2018 ด้วยการแต่งกายจัดเต็มและโพกผ้าขนหนูบนศีรษะอย่างสง่างามทำให้เกิดเทรนด์การเซลฟี่ในห้องน้ำเพื่อสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ปัจจุบันที่เข้าสู่ยุคของการดูแลตัวเองคำว่า Bathleisure ได้หวนกลับมาอีกครั้ง แต่มาในหมวดของการฟื้นฟูและบำบัดผ่อนคลาย เพราะช่วงเวลาอาบน้ำถือเป็นอีกหนึ่งวิธีของการรีเซ็ตวันใหม่และผ่อนคลายกับช่วงเวลาแห่งความสงบก่อนหมดวัน ทั้งนี้เพื่อยกระดับการอาบน้ำให้แตกต่างจากรูทีน อาจเพิ่มเติมบรรยากาศด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบที่ชอบหรือเลือกใช้อุณหภูมิของน้ำด้วยศาสตร์วารีบำบัดอย่างการสปาแบบร้อนสลับเย็น หรือแม้กระทั่งโปรแกรมสปาที่เน้นการอาบน้ำขัดถูตัวแบบโรงอาบน้ำหรูหราก็เป็น Bathleisure ได้เช่นกัน
บ้านเปลี่ยน อารมณ์เปลี่ยน
ปีใหม่นอกจากจะเป็นคนใหม่ที่สดใสเปี่ยมด้วยพลังแล้ว อย่าลืมปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้สดใสขึ้น ซึ่งสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวเราที่สุดที่เราสามารถจัดการได้ก็คือ บ้าน โต๊ะทำงาน ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าบ้าน หรือโต๊ะทำงานมันมักสะสมความคิดอ่านในปีที่ผ่านมาของเราไว้ชัดเจนมากๆ ดังนั้นปีใหม่ทั้งที แนะนำว่าอย่าลืมจัดบ้าน โต๊ะทำงานเสียใหม่ ทิ้งความเหนื่อยล้า ความเครียดในปีเก่าไปแล้ว Spark Joy! หรือประกายแห่งความสุขก็จะตามมา
อ้างอิง