8 เหตุผลที่ รถยนต์ อี-พาวเวอร์ ติดเทรนด์ของคนรุ่นใหม่
Better Living

8 เหตุผลที่ รถยนต์ อี-พาวเวอร์ ติดเทรนด์ของคนรุ่นใหม่

Focus
  • ในบรรดารถยนต์ไฟฟ้า อี-พาวเวอร์ (e-POWER) คือ เทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมาแรง เพราะแม้จะใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ แต่มีข้อดีที่ไม่ต้องพึ่งพาสถานีชาร์จไฟฟ้าจากภายนอก
  • Nissan Kicks e-Power คืออีกหนึ่งรุ่นท็อปของเทคโนโลยี e-Power หลังจากเปิดตัวไปเมื่อมิถุนายน พ.ศ. 2563 ก็คว้ารางวัล “Technology of the Year” ประจำปี ค.ศ. 2021
  • เดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา นิสสัน ประเทศญี่ปุ่น ประกาศยอดขายสะสมรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ มากกว่า 500,000 คัน

นอกจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าการประหยัดพลังงานและใส่ใจสิ่งแวดล้อม คืออีกคีย์เวิร์ดสำคัญที่คนรุ่นใหม่ใช้ในการตัดสินใจเลือกยานพาหนะคู่ใจสักคันที่สามารถสะท้อนไลฟ์สไตล์ความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมของพวกเขาได้ตรงกับรายงานของ International Energy Agency ที่คาดการณ์ว่ายานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหลายจะเพิ่มขึ้นเป็น 145 ล้านคันทั่วโลกภายในปี ค.ศ. 2030 อีกทั้งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2021 ก็เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 2.5 เท่าแม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะมีการชะลอตัวเพราะโรคระบาดก็ตามซึ่งนอกจากรถยนต์ไฟฟ้าแบบ EV (Electric Vehicle)อีกเทคโนโลยีอีโคคาร์ที่ต้องจับตามองคือ อี-พาวเวอร์ (e-POWER) เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์แบบไม่ต้องพึ่งพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก ตอบโจทย์ด้านความแรง ความเร็วประหยัดพลังงานและเป็นเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ที่คิดค้นโดย นิสสัน (Nissan)

อี-พาวเวอร์คืออะไร ทำไมอี-พาวเวอร์จึงมียอดขายสะสมในญี่ปุ่นสูงถึง 500,000 คัน เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา และทำไมเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ จึงสามารถขยายฐานการตลาดจากหนุ่มสาวยุคใหม่ในญี่ปุ่นไปติดเทรนด์ทั่วโลกอย่างรวดเร็วเรามีคำตอบ

 อี-พาวเวอร์

01.ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%: ในขณะที่รถยนต์อีโคคาร์เริ่มเป็นกระแส ตลาดเทคโนโลยียานยนต์ของโลกก็พุ่งเป้าไปที่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ EV และไฮบริด(Hybrid)แต่นิสสันกลับคิดต่างด้วยการมองเห็นช่องว่างของเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และนั่นทำให้นิสสันมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะอันเป็นเอกสิทธิ์ของตัวเองที่เรียกว่า อี-พาวเวอร์ ทำงานโดยใช้เครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งต่อให้มอเตอร์ไฟฟ้านำไปใช้ขับเคลื่อนตัวรถ หรือจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์จไฟ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสนุกในการขับขี่และส่งต่อความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน

02.เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในราคาเอื้อมถึง : ในยุคแรกของการพัฒนายานยนต์แบบอีโคคาร์นั้น ราคาคืออุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ รวมทั้งหนุ่มสาวชาวออฟฟิศเอื้อมไม่ถึง (แม้จะอยากรักษ์โลกก็ตาม) เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์จึงเลือกเปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ด้วยรถรุ่น นิสสัน โน๊ต(Nissan Note)รถยนต์นั่งขนาดเล็กแบบคอมแพ็กต์ออกแบบบนพื้นฐานแนวคิด การขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Nissan Intelligent Mobility) ชูจุดเด่นเรื่องการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟจากสถานีชาร์จภายนอก พร้อมเปิดให้เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้จริง ๆ ส่งให้ นิสสันอี-พาวเวอร์ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และยังได้รับรางวัลรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่นประจำปี พ.ศ. 2561 อีกด้วย

 อี-พาวเวอร์

03.ไม่หวั่นแม้ต้องเดินทางไกล: เดิมทีรถยนต์ไฟฟ้า100% แบบ EV นั้นเหมาะสำหรับการวิ่งในระยะใกล้ โดยเฉพาะในตัวเมืองเหตุผลหนึ่งเพราะยุคเริ่มต้นของรถไฟฟ้านั้นมีข้อจำกัดเรื่องสถานีชาร์จไฟที่หาได้น้อยมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัดการมาของเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์จึงเหมือนมาแก้โจทย์เรื่องความยุ่งยากในการมองหาสถานีชาร์จไฟฟ้าเพราะขุมพลังอี-พาวเวอร์เป็นการประยุกต์จากแนวคิดของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีอยู่ในนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ซึ่งประสบความสำเร็จในด้านยอดขายและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานมาแล้วทั่วโลกมานานโดยในระบบใหม่นี้มีการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กเพิ่มเติมเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานสูงสร้างกระแสไฟฟ้าและชาร์จเข้ามาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภายนอกอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ให้พลังงานไฟฟ้าในขนาดใกล้เคียงกันกับระบบ EV

 อี-พาวเวอร์
New Nissan NOTE

4.ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ : หลังจากเปิดตัวเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ด้วยรถยนต์แบบคอมแพ็กต์ทางนิสสันก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น ตรงกันข้ามกลับขยายตลาดให้ครบทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ โดยในเดือนมีนาคม พ.ศ.2561 ได้มีการเปิดตัวรถมินิแวน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ (Serena e-POWER)ตามด้วย นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ (Nissan Kicks e-Power) ตัวท็อปของเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563พร้อมได้รับรางวัล “Technology of the Year” ประจำปี ค.ศ. 2021 จาก Automotive Researchers’ and Journalists’ Conference of Japan (RJC) ไปในทันทีเพราะ Nissan Kicks e-Power เหมาะกับการเดินทางใกล้และไกลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ พร้อมขับเคลื่อนด้วยแรง 95 กิโลวัตต์ หรือ 129 แรงม้า ซึ่งเป็นแรงจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ๆ ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนแต่อย่างใด

5.เทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่สนุกและปลอดภัย : การพัฒนาของนิสสันไม่ได้โฟกัสไปแค่เรื่องขุมพลังอี-พาวเวอร์เท่านั้น แต่ต็วท็อปอย่าง Nissan Kicks e-Power ยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ทันสมัย รวมทั้งเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่สนุกและปลอดภัยไม่ว่าจะเป็น ระบบการขับขี่แบบคันเร่งเดียว (One Pedal)ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะที่ถูกติดตั้งใน Nissan Kicks e-Power เมื่อผู้ขับทำการถอนคันเร่งจะทำให้รถเกิดการหน่วงชะลอตัว เมื่อถอนคันเร่งสุด รถก็จะชะลอลงเรื่อย ๆ จนหยุดนิ่ง เพิ่มความผ่อนคลายและสะดวกสบายในการขับขี่แถมปลอดภัยยิ่งขึ้น ไม่ต้องยกเท้าสลับกับการเหยียบเบรกให้เมื่อยล้าอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่เหนื่อยล้า เบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เป็นต้น

Nissan Kicks e-Power
Nissan Serena

06.ประหยัดน้ำมัน : รถยนต์ไฟฟ้านั้นมี 3 ประเภทคือ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ระบบไฮบริด ลูกผสมระหว่างพลังงานไฟฟ้ากับน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วน อี-พาวเวอร์ เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง (FuelOil)เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) แบตเตอรี่ (Battery) อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) และมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor) ซึ่งถ้านำมาเทียบกับระบบไฮบริดจะพบว่าอี-เพาเวอร์ ซึ่งใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จะมีอัตราการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป เพราะเมื่อเครื่องยนต์เบนซินภายในรับหน้าที่ชาร์จไฟฟ้าเก็บเข้าสู่แบตเตอรี่ด้วยรอบของเครื่องยนต์ที่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดการประหยัดน้ำมัน

07.ลดการปล่อยก๊าซ CO2 : แม้ระบบขับเคลื่อนของอี-พาวเวอร์จะมีการเปลี่ยนน้ำมันเป็นการขับเคลื่อนไฟฟ้าแต่หัวใจของขุมพลังอี-พาวเวอร์คือ รถยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษต่ำหมายถึงมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ที่น้อยกว่าระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันขับเคลื่อน อีกทั้งยังมีการสั่นสะเทือนที่น้อยกว่า แต่ให้ความเงียบที่มากกว่าเช่นกัน 

08. จากญี่ปุ่นเดินทางไกลสู่ยุโรป : ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ได้มีการเปิดตัว นิสสัน โน๊ต ใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ เจเนอเรชันที่สอง และล่าสุดเดือนมีนาคม พ.ศ.2564 ได้มีการเปิดตัว แคชไค อี-พาวเวอร์ ใหม่เพื่อลุยตลาดยุโรป นับเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ครั้งแรกในทวีปยุโรปของนิสสัน ซึ่งยุโรปนับเป็นทวีปที่มีความตื่นตัวเรื่องรถยนต์อีโคคาร์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่แนวคิดการรักษ์โลกได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิตไปแล้ว

Fact File

  • นิสสันได้กำหนดเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์จากทั้งกระบวนการผลิตและวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งจะส่งผลให้รถยนต์นิสสันทุกรุ่นที่จะออกสู่ตลาดภายในช่วงต้นทศวรรษ2030 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า100% ทั้งหมด
  • การพัฒนารถยนต์ปลอดมลพิษที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนคือหนึ่งในแนวทางการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ของนิสสัน และนั่นจึงเป็นที่มาของเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ ก้าวสำคัญของยานยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนารถยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ที่เรียกว่า SOFC (Solid Oxide Fuel Cell Vehicle) ซึ่งทางนิสสันเพิ่งประกาศความสำเร็จไปเมื่อไม่นานนี้
  • ข้อมูลเพิ่มเติม Nissan Kicks e-Power และรถยนต์อี-พาวเวอร์ คลิก www.nissan.co.th

Author

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ Sarakadee Lite