“Glow in the Dark” เปลี่ยน ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม เป็นเมืองเรืองแสงในโลกล้านปี
- ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ที่บริหารงานโดยบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ได้จัดนิทรรศการหมุนเวียนซีรีส์ใหม่ Glow in the Dark พาเด็ก ๆ ย้อนเวลาสู่โลกล้านปีอันมืดมิด ก่อนที่โลกจะกำเนิดพลังงานไฟฟ้า จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ถึงวันเด็กแห่งชาติปี 2568
- ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ศูนย์เรียนรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าหนึ่งเดียวในไทยที่เปลี่ยนโรงไฟฟ้าเรือลอยน้ำให้เป็นนิรรศการที่ไม่ได้บอกเล่าเพียงประวัติศาสตร์พลังงานไฟฟ้า แต่ยังครอบคลุมถึงวิถีชีวิตของชุมชนขนอม และสิ่งแวดล้อมที่สามารถอยู่ร่วมกับการกำเนิดพลังงานไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืน
ขนอมทัก! เมืองขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ได้มีดีแค่ชายหาดที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรชายฝั่ง แหล่งที่อยู่อาศัยของโลมาสีชมพูและนกออกประจำถิ่น แต่ทราบหรือไม่ว่า ขนอมยังเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าเรือลอยน้ำลำแรกและลำเดียวในไทย จิ๊กซอว์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ และตอนนี้โรงไฟฟ้าเรือลอยน้ำที่เกษียณจากตำแหน่งผู้ผลิตไฟฟ้าประจำปักษ์ใต้ได้ก้าวสู่บทบาทใหม่ ในฐานะ ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ที่อนุรักษ์โครงสร้างโรงไฟฟ้าบนเรือหนึ่งเดียวในไทยไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เพิ่มเติมด้วยความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตไฟฟ้า พลังงาน และการอยู่ร่วมกับสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในนิทรรศการถาวร และยังมีนิทรรศการพิเศษหมุนเวียนมาสร้างสีสันเป็นประจำทุกปี จนทำให้ศูนย์เรียนรู้โรงไฟไฟฟ้าขนอมติดลิสต์แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ของอำเภอขนอม ที่ทั้งผู้ใหญ่และเด็กก็สนุกไปกับการเรียนรู้ได้
ล่าสุด ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ที่บริหารงานโดยบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ได้จัดนิทรรศการหมุนเวียนซีรีส์ใหม่ Glow in the Dark ที่ยกนิทรรศการของศูนย์เรียนรู้ฯ ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมวิทย์ พลิกโลก ตอน Climate Tech เด็กเปล่งแสง ลดโลกเดือด” ที่เคยร่วมจัดแสดงในมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2567 ลงไปติดตั้งที่ปักษ์ใต้ พร้อมเพิ่มเติมเนื้อหาและความสนุก ด้วยการพาเด็ก ๆ ย้อนเวลาสู่โลกล้านปีอันมืดมิด ก่อนที่โลกจะกำเนิดพลังงานไฟฟ้า แล้วกลับสู่โลกยุคปัจจุบัน และพัฒนาสู่เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานแห่งอนาคต ที่จะทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกับโลกอย่างยั่งยืน
“ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอมได้จัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในงานวิทยาศาสตร์เป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนในอำเภอขนอมและพื้นที่ใกล้เคียงได้มีโอกาสเรียนรู้นวัตกรรมพลังงานและวิทยาศาสตร์ ซึ่งแต่ละปีก็จะมีเนื้อหานิทรรศการที่แตกต่างกันไป สำหรับปีนี้ นิทรรศการพิเศษจะเน้นเรื่องปัญหาโลกเดือด การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่ทั่วโลกพูดถึง รวมทั้งเป็นวิกฤตที่เด็กยุคนี้ต้องเผชิญและเตรียมรับมือในอนาคต นั่นจึงเป็นที่มาของแนวคิดนิทรรศการ คือ “นวัตกรรมวิทย์ พลิกโลก ตอน Climate Tech เด็กเปล่งแสง ลดโลกเดือด” ซึ่งเคยจัดแสดงครั้งแรกในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และยกลงมาที่ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม เพิ่มเติมด้วยการใส่ความสนุก ความน่าตื่นเต้น ในบรรยากาศ Glow in the Dark ผ่านนิทรรศการพิเศษทั้ง 4 โซน ที่จะพาผู้ชมเดินทางข้ามมิติเวลาในอำเภอขนอม ย้อนไปในยุคอดีตที่ยังมืดมิด แต่สมบูรณ์พร้อมด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและร่องรอยประวัติศาสตร์ ผ่านยุคปัจจุบันที่โลกเผชิญปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมุ่งหน้าสู่อนาคตสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะช่วยจุดประกายให้เด็ก ๆ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ “เปล่งแสง” ทางความคิด เพื่อร่วมหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก”
พินทุ์สุดา เปี่ยมปิติ ผู้จัดการส่วนกิจกรรมองค์กรและสังคม ฝ่ายสื่อสารองค์กร EGCO Group เล่าต่อว่า ก่อนที่เด็ก ๆ จะได้ชมนิทรรศการพิเศษ Glow in the Dark ทุกคนจะได้เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของโรงไฟฟ้าเรือลอยน้ำแห่งนี้ที่เริ่มต้นเมื่อ พ.ศ.2523 ครั้งที่ภาคใต้ของไทยประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าใช้ในขั้นวิกฤต เป็นจุดเริ่มต้นของโรงไฟฟ้าในรูปแบบ “เรือลอยน้ำ” ที่เดินทางมาจากท่าเรือในประเทศญี่ปุ่น ข้ามมหาสุมทรแปซิฟิกสู่ทะเลจีนใต้ เข้ามาเทียบท่ายังชายฝั่งอ่าวไทยที่อำเภอขนอม และเริ่มต้นผลิตไฟฟ้าหล่อเลี้ยงพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งความน่าตื่นเต้นของประวัติศาสตร์การผลิตไฟฟ้าและพลังงานที่ว่ามาจัดแสดงอยู่ในพื้นที่จริงคือ ภายในโรงไฟฟ้าเรือลอยน้ำที่มีให้ชมที่นี่แห่งเดียวเท่านั้นในเมืองไทย ก่อนที่จะเข้าสู่นิทรรศการพิเศษ Glow in the Dark ที่จัดแสดงในส่วนสุดท้าย จำนวน 4 โซน
เริ่มจาก โซนที่ 1 Khanom in the Garden ทุ่งดอกไม้ยักษ์เรืองแสงที่นำทางสู่ประตูย้อนมิติเวลาไปยังโลกยุคดึกดำบรรพ์
ต่อด้วย โซนที่ 2 Khanom under the Moon เรียนรู้เรื่องแสง UV และไฟ Black Light ที่สร้างมิติการเรืองแสงของวัตถุในความมืด จุดนี้มีพระจันทร์เทียมดวงใหญ่สว่างไสวอยู่เหนือโลกและเป็นจุดถ่ายรูปที่จะพลาดไม่ได้
ถัดมาคือ โซนที่ 3 Khanom in the Dark…We Glow ก้าวเข้าสู่โลกยุคจูแรสซิกของทะเลขนอม เรียนรู้เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมผ่านสัตว์โลกล้านปีที่ซุกซ่อนอยู่ ตามหา “เฟิร์นมหาสดำ” ต้นไม้โบราณขนาดยักษ์ ที่มีส่วนช่วยดูดซับและกักเก็บคาร์บอนและยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
โซนที่ 4 ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายคือ Climate Tech เด็กเปล่งแสง ลดโลกเดือด ข้ามมิติเวลากลับมายังโลกยุคปัจจุบัน เตรียมความพร้อมเผชิญปัญหาโลกเดือด และตามหาแหล่งพลังงานสะอาดแห่งอนาคต โซนนี้จะได้พบเทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านกิจกรรมการเรียนรู้สุดสนุก เช่น เกมการดักจับและกักเก็บคาร์บอน ศิลปะเรืองแสง และเด็ก ๆ หลายคนตื่นเต้นกับโรงภาพยนตร์เสมือนจริง (Immersive Theater) ที่เล่าเรื่องปัญหาโลกเดือด และจุดประกายแรงบันดาลใจจากผลงานการพัฒนาและคิดค้นของนวัตกรตัวน้อยทั่วทุกมุมโลก ที่มาร่วมเปล่งแสงคิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการกอบกู้โลกไม่ให้เดือดไปมากกว่านี้ นอกจากนี้ ศูนย์เรียนรู้ฯ ได้ชวนนวัตกรตัวน้อยชั้นประถมและมัธยมจากโรงเรียนในพื้นที่อำเภอขนอมมาเปล่งแสง ช่วยกันคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม ลดโลกเดือดในการประกวด “Automata Toys ตอน Climate Tech เด็กเปล่งแสง ลดโลกเดือด” ซึ่งได้นำผลงานของผู้เข้าประกวดมาจัดแสดงในนิทรรศการพิเศษครั้งนี้ด้วย
“ผมไม่ได้ชอบวิทยาศาสตร์มากนัก แต่พอได้เข้ามาประกวด Automata Toys มีคนมาสอนทำกลไกใหม่ ๆ ก็รู้สึกว่าวิทยาศาสตร์มันสนุกขึ้น ผมเอากลไกไปทำของเล่นต่อได้” ณฐภัทร ทองมิ่ง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดเขา (วันครู 2501) ผู้ชนะการประกวด Automata Toys ระดับประถมศึกษา บอกเล่าถึงการร่วมแข่งขันและเข้าชมนิทรรศการ Glow in the Dark ในขณะที่ เศรษฐณัช มีชัย เพื่อนร่วมทีมเสริมว่า ทีมตนเองได้รื้อฟื้นการสีข้าวแบบดั้งเดิมซึ่งยังมีให้เห็นในชุมชน มาดัดแปลงเป็นผลงาน Automata Toys ชวนมาลดโลกร้อน ด้วยการย้อนไปมองภูมิปัญญาดั้งเดิมของท้องถิ่น
ด้าน อดิเทพ วิบูลย์ศิลป์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านคลองวัง ผู้ชนะการประกวด Automata Toys ระดับมัธยมศึกษา กล่าวถึงนิทรรศการวิทยาศาสตร์และการประกวด Automata Toys ว่า ถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับเยาวชนที่อยู่ในภูมิภาคอื่นได้รู้จักนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ที่มากกว่าในห้องเรียน และอยากให้มีนิทรรศการและเวทีด้านวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคต่าง ๆ ให้มากขึ้น
“ผมชอบทำโครงงานวิทยาศาสตร์มาก เพราะรู้สึกว่าท้าทาย ในการประกวดแต่ละครั้งก็จะเห็นนวัตกรรม กลไก ความรู้ใหม่ ๆ จากวิทยากรบ้าง จากเพื่อนโรงเรียนอื่นบ้าง ซึ่งในต่างจังหวัดไม่ได้มีการประกวดแบบนี้มากนัก หรือไม่ได้มีนิทรรศการวิทยาศาสตร์ที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาให้ชมกันบ่อยเท่าที่กรุงเทพฯ ก็อยากจะให้มีนิทรรศการหรือการประกวดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แบบนี้บ่อย ๆ พวกผมอยากแสดงศักยภาพ”
และด้วยเล็งเห็นว่างานวิทยาศาสตร์สามารถจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้เยาวชนได้เป็นอย่างดี ประกอบกับปีที่ผ่านมามีโรงเรียนในจังหวัดใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นสุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา รวมทั้งผู้ปกครองในภาคใต้พาเด็ก ๆ มาชมนิทรรศการพิเศษเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอมจึงได้ขยายเวลาการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ ซึ่งปกติจะจัดเป็นนิทรรศการหมุนเวียนประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ขยายออกไปจนถึงช่วงวันเด็กแห่งชาติปี 2568 ก่อนที่จะเปลี่ยนนิทรรศการหมุนเวียนเรื่องใหม่มาจัดแสดงในครั้งต่อไป
“เมื่อตัดสินใจชุบชีวิตโรงไฟฟ้าเรือลอยน้ำที่ปลดระวางมาเป็นศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม เปลี่ยนหน้าที่จากผู้ผลิตไฟฟ้ามาเป็นศูนย์เรียนรู้กึ่งพิพิธภัณฑ์ เราก็อยากจะทำให้ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้มีชีวิต คนที่เข้ามาแล้วก็อยากจะมาซ้ำอีก ทั้งยังเป็นการขยายเวลาให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ภาคใต้และผู้สนใจได้มีโอกาสเข้ามาชมนิทรรศการพิเศษอย่างทั่วถึง ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอมจึงขยายเวลาการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ Glow in the Dark ทั้ง 4 โซน จนถึงวันเด็กแห่งชาติปี 2568 พร้อมเชิญชวนเยาวชน ผู้ปกครอง ผู้สนใจ และนักท่องเที่ยว มาเช็คอินที่อำเภอขนอมและสนุกกับการเรียนรู้ไปด้วยกัน” พินทุ์สุดากล่าวเพิ่มเติมถึงนิทรรศการพิเศษ Glow in the Dark ในศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ที่ยังคงเดินเครื่องปลุกแสงในตัวเยาวชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยองค์ความรู้ด้านพลังงาน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
Fact File
- เปิดให้เยี่ยมชมทุกวันอังคาร-วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. (หยุดวันอาทิตย์ วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าชมล่วงหน้าพร้อมวิทยากรนำชมได้ที่เว็บไซต์ www.egco.com/th/khanom-learningcenter โทร. 075 -466-062 หรือ 098-014-2249
- นิทรรศการพิเศษ Glow in the Dark ทั้ง 4 โซนจะจัดแสดงต่อเนื่องจนถึงวันเด็กแห่งชาติปี 2568