Earth Discovery นิทรรศการที่บอกว่าโลกร้อนใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
- Siam Discovery presents Earth Discovery นิทรรศการประจำเดือนสิ่งแวดล้อม ที่ทาง Siam Discovery ได้พาร์ทเนอร์สำคัญมาร่วมเปิดประเด็นชวนคิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องของการลดคาร์บอน (Decarbonization) ว่าดีต่อเราและดีต่อโลกอย่างไร
- นิทรรศการถูกจัดเป็นดิสเพลย์ให้สามารถเดินชมได้อย่างง่ายๆ พร้อมนำเสนอไลฟ์สไตล์รักษ์โลกที่ทุกคนยังสามารถเอ็นจอยได้
เพราะโลกร้อนและคาร์บอนใกล้ตัวกว่าที่เราคิด…รู้ไหมว่าตอนนี้ประเทศไทยมีความเสี่ยงจาก Climate Change เป็นอันดับ 9 ของโลก และโลกก็กำลังร้อนขึ้นถึงปีละ 1 องศาเซลเซียส รวมถึงในศตวรรษนี้ก๊าซเรือนกระจกตอนนี้ก็มีความเข้มข้นมากที่สุดในรอบ 2 ล้านปีอีกด้วย และเพื่อให้เรื่อง Climate Change เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและให้ทุกคนตระหนักว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมและภารกิจช่วยโลกใกล้ตัวเราและสามารถเริ่มได้จากตัวเราจริงๆ
ทาง Siam Discovery จึงจับมือกับพาร์ทเนอร์สำคัญอย่าง สถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาเปิดประเด็นชวนคิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องของการลดคาร์บอน (Decarbonization) ในนิทรรศการที่ชื่อว่า Siam Discovery presents Earth Discovery สอดคล้องกับเดือนแห่งสิ่งแวดล้อมซึ่งตรงกับมิถุนายนของทุกปี
ร้อนมาก…โลกจึงเปลี่ยนแปลง
Siam Discovery presents Earth Discovery จัดแสดงอยู่บริเวณชั้น 3 Siam Discovery โดดเด่นด้วยดิสเพลย์ก้อนเมฆที่กำลังพูดถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลภาวะทางอากาศ โดยให้ก้อนเมฆสีดำเป็นตัวแทนของก๊าซพิษตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดพลังงานความร้อนสะสมในชั้นบรรยากาศของโลกมากที่สุด จุดประกายให้เราคิดต่อว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อลดจำนวนก้อนเมฆสีดำเหล่านี้ และเรื่องราวของชั้นบรรยากาศเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของเราอย่างไรบ้าง และนิทรรศการที่อยู่รอบๆ นี่แหละคือคำตอบ
หากเริ่มเดินจากจุดแรกจะพบกับโซน “ร้อนมาก!! โลกจึงเปลี่ยนแปลง” จุดนี้เล่าถึงโลกที่กำลังเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หรือ Climate change ที่มากระตุ้นเราด้วยสถิติเกี่ยวกับความร้อนของโลกที่มีทีท่าแต่จะเพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งแน่นอนว่าสถิตินี้สัมพันธ์กับตัวเลขการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานด้วย จุดนี้เลยยิ่งย้ำว่ามันน่าจะถึงเวลาที่เราต้องฟื้นฟูโลกแล้วจริงๆ
โซน 2 นำเราเข้าสู่เรื่อง Decarbonization ซึ่งนอกจากเมฆสีขาวและสีดำที่เราพูดถึงไปแล้ว ข้างกันยังฉายภาพของผืนป่าที่ถูกทำลายจนทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ต่อเนื่องด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งทางเลือกการเดินทางของโลกยุคใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงสุขภาพของผู้ใช้รถใช้ถนนมากขึ้น ซึ่งแม้ตอนนี้การเข้าถึงรถไฟฟ้าจะยังมีข้อจำกัดอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของสถานีให้บริการ แต่ก็ดูเหมือนว่ารถยนต์ EV และรถบริการสาธารณะอย่าง EV Bus กำลังอยู่ในข้อสนทนาที่ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นทั้งบนท้องถนนตอนนี้และในอนาคต
โซนที่ 3 ใกล้ตัวที่สุดเพราะมากับหัวข้อ Well – Being เชื่อมโยงไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันของเราเข้ากับวิถีโลว์คาร์บอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ขนส่งรถสาธารณะ การปั่นจักรยาน แยกขยะ รวมทั้งการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ก็เป็นอีกเทรนด์ที่ช่วยโลกได้ ต่อด้วยโซนสุดท้ายของนิทรรศการคือเป้าหมาย Net Zero พูดถึงความร่วมมือในการหยุด Climate Change ด้วยวิธีการ “จำกัด” และ “กำจัด” การปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลกที่ตั้งคำถามกลับมาให้เราได้ขบคิดต่อว่าจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ
“Ecotopia” รักษ์โลกเริ่มได้ที่ไลฟ์สไตล์เรา
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมองว่าการจะช่วยโลกให้เย็นลงและสมดุลย์มันดูยิ่งใหญ่มาก แต่ความจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงที่ดีไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการทำการใหญ่เสมอไป เราสามารถเริ่มได้จากจุดเล็กๆ ใกล้ตัว เช่นที่ Ecotopia พื้นที่ไลฟ์สไตล์อีกจุดของสยามดิสคัฟเวอรี่ที่ทำให้เราได้เอ็นจอยกับเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น ด้วยความที่เป็น Lifestyle Destination อยู่แล้ว ทางสยามดิสคัฟเวอรี่เลยได้ครีเอตพื้นที่ที่ชื่อว่า Ecotopia ขึ้นมาบริเวณชั้น 1 เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผสานไปกับไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนยังสามารถเอ็นจอยได้ และปีนี้ Ecotopia ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว
ที่ Ecotopia เป็นเหมือน Selected Shop ที่รวบรวมโปรดักต์ไลฟ์สไตล์ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันตั้งแต่แปรงฟัน อาบน้ำสระผม ของเล่น ไปจนถึงแฟชั่นการแต่งกาย แต่ที่แตกต่างจาก Selected Shop ทั่วไปคือโปรดักต์ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ผ่านการคิดสร้างสรรค์และการวิจัยของแต่ละแบรนด์มาอย่างดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างภาระต่อโลกให้เพิ่มขึ้น อย่างหมวดบิวตี้ก็ครบทั้งแบรนด์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ ครีมกันแดดที่เป็นมิตรกับระบบนิเวศใต้ท้องทะเล หรือบางแบรนด์ก็เน้นไปทางผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ใช้สารสกัดธรรมชาติเกือบ 100% เรียกว่าปลอดสารเคมี ไม่ทำร้ายดินและน้ำตั้งแต่ต้นทาง แต่ที่ชอบที่สุดคือที่นี่มีสเตชันรีฟิวที่ทุกคนสามารถนำขวดจากที่บ้านมาเติมแชมพู สบู่ น้ำยาล้างจานกลับไปได้ด้วย
ส่วนใครกำลังมองหาต้นไม้ฟอกอากาศเอาไว้ในบ้าน โซนกรีนก็มีให้พร้อมทั้งอุปกรณ์สำหรับปลูก ข้างกันเป็นหมวด Kind ที่จะเน้นไปทางผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่างเช่นเครื่องหอมและลูกประคบสมุนไพรจากบ้านไอดิน หรือจะเป็นของชิ้นใหญ่ไปเลยอย่างเครื่องกำจัดเศษอาหารก็มีของแบรนด์ Oklin ตั้งอยู่ในหมวด Hygiene ให้มาทดลองใช้กัน
เสื้อผ้ากระเป๋าในโซน Ecotopia ต่างก็เป็นแบรนด์ที่เลือกผลิตด้วยวัสดุที่เป็นมิตร ทั้งยังช่วยสร้างคุณค่า ใหม่ให้กับสินค้า Deadstock นอกจากนี้ในช่วงนิทรรศการ Earth Discovery ในเดือนมิถุนายน 2566 ทาง Ecotopia ยังได้มีการออกแบบคอลเลกชันพิเศษกับแบรนด์ Earthology มีหมวก กระเป๋าผ้าและเสื้อผ้าโดยการใช้ขวดพลาสติกนำมา Upcycling เป็นสินค้าชิ้นใหม่
แต่นอกจาก Ecotopia จะเป็นมัลติแบรนด์สโตร์ ที่นี่ยังเปิดพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะเวิร์กช็อปจากเหล่าพาร์ทเนอร์สายสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น TAM:DA ที่ชวนใส่จินตนาการลงไปในวัสดุเหลือใช้ เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นโมเดลสนุกๆ ใครสนใจรอติดตามเวิร์กช็อปครั้งหน้ากับทาง Ecotopia ได้ เห็นว่าช่วงนี้เขากำลังจะมีเวิร์กช็อปพิเศษ Designing your Decarbonized Life จากสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืนด้วยนะ น่าสนใจมากๆ ใครที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ลองแวะไปที่นิทรรศการหรือเวิร์กช็อปนี้กันดูก่อนได้เลย
Fact File
- Ecotopia ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00-22:00 น.
- นิทรรศการ Siam Discovery presents Earth Discovery จัดแสดงบริเวณชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี ตั้งแต่วันนี้ – 29 มิถุนายน พ.ศ.2566
