พุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวัน : ต้นแบบศูนย์เรียนรู้ด้านนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ เชื่อมชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืน
- โครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อสานต่อความยั่งยืนโดยความร่วมมือของ เซ็นทรัล ทำ
- โครงการ เซ็นทรัล ทำ เป็นโปรเจ็กต์ที่มีความมุ่งมั่นสร้างคุณค่าร่วมกัน (Creating Shared Values) ระหว่างธุรกิจสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตไปด้วยกัน
เมื่อพิสูจน์แล้วว่าการทำเกษตร ชุมชนและสิ่งแวดล้อม สามารถขับเคลื่อนให้เดินหน้าไปพร้อมกันได้อย่างสมดุล โครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงรายจึงถูกก่อตั้งขึ้น และสานต่ออย่างยั่งยืนโดย เซ็นทรัล ทำ ก่อเกิดเป็นโครงการนำร่อง ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้
ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ แห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 2 ไร่ภายใน ไร่เชิญตะวัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกร ชาวนา รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจด้านเกษตรอินทรีย์ของไทยได้เข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับการนำภูมิปัญญาเกษตรแบบดั้งเดิมมาผสานกับนวัตกรรมสมัยใหม่ที่สามารถปรับผืนดินที่แห้งแล้งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์สามารถทำเกษตรแบบผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือพืชพื้นถิ่น โดยศูนย์เรียนรู้ต้นแบบแห่งนี้มีองค์ความรู้ตั้งแต่เม็ดดินไปจนถึงการจัดการน้ำ เช่นการขุดบ่อน้ำ จัดทำร่องน้ำตามหลักโคกหนองนา เพื่อกักเก็บน้ำและผันน้ำใช้ในการเกษตรรวมถึงการใช้นวัตกรรมมาช่วยในการทำเกษตร เช่น การใช้แผงโซลาร์เซลล์ที่มีอยู่เดิม มาจัดทำระบบ Smart Farm เพื่อใช้ในการสูบน้ำ การทำฟาร์มระบบการเลี้ยงไก่ไข่ที่ปล่อยให้ไก่ออกนอกโรงเรือนได้อย่างอิสระ เพื่อให้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ ทำให้ไก่มีความสุขและอารมณ์ดีได้ไข่ที่ดี ปลอดภัยเป็นต้น
“โครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ ไร่เชิญตะวัน เป็นหนึ่งในโครงการ ศึกษาแผนแม่บทพัฒนาไร่เชิญตะวันให้เป็น ‘พุทธนิเวศสากล’ (International Eco Monastery) เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ในการสร้างอาชีพภายใต้ภูมิปัญญาใหม่ ให้คนกับคน คนกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สามารถอยู่ร่วมกัน เป็นกัลยาณมิตรด้วยจิตที่เป็นกุศลและตื่นรู้ต่อปัญหาของสิ่งแวดล้อม”
พระเมธีวชิโรดม (ท่าน ว. วชิรเมธี) ผู้ก่อตั้งศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันกล่าวถึงหัวใจหลักของโครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ ซึ่งแบ่งโจทย์ของความยั่งยืนที่ต้องนำมาผสานรวมกันเป็น 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์การรักษาสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงหมุนเวียนระดับพื้นบ้าน และการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ซึ่งท่าน ว. วชิรเมธี กล่าวเพิ่มเติมว่าหากโครงการนี้ดำเนินการสำเร็จจะเป็นต้นแบบของการฟื้นฟูมนุษย์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน
พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า จากการที่ได้มาเยี่ยมชมศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน และรับทราบถึงเป้าหมายในการผลักดัน โครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ไร่เชิญตะวัน ให้เป็นต้นแบบศูนย์เรียนรู้ด้านนวัตกรรมการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งสอดคล้องกับ โครงการ เซ็นทรัล ทำ ที่มีความมุ่งมั่นสร้างคุณค่าร่วมกัน (Creating Shared Values) ระหว่างธุรกิจสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตไปด้วยกัน ทางเซ็นทรัลจึงได้เริ่มต้นศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นและวิธีการแก้ไขบนพื้นที่นำร่อง 2 ไร่
และจากการลงพื้นที่อย่างละเอียดพบว่า ปัญหาใหญ่ของพื้นที่คือปัญหาแหล่งน้ำไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ เพราะสภาพผืนดินเป็นดินทรายและมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ในชั้นดิน และจากวันที่ลงพื้นที่สำรวจปัญหาใน พ.ศ. 2563 ผนวกด้วยการร่วมลงมือของทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน แหล่งน้ำในโครงการฯ สามารถกักเก็บน้ำได้ 12,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถนำน้ำมาใช้ในการเกษตรของโครงการฯ จนสามารถต่อยอดให้เป็นต้นแบบศูนย์เรียนรู้ด้านนวัตกรรมการทำเกษตรอินทรีย์ได้อย่างสมบูรณ์
สำหรับความยั่งยืนภายในโครงการพุทธนิเวศเกษตรอินทรีย์ ไร่เชิญตะวัน ประกอบด้วย บ่อน้ำเพื่อการเกษตร นำทฤษฎี โคก หนอง นา มาปรับใช้แล้วสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อให้บ่อน้ำนี้เป็นแหล่งน้ำถาวรสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำได้ตลอดทั้งปี ต่อด้วย พลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ นำพลังงานไฟฟ้าจากธรรมชาติมาสร้างระบบ Smart Farm และจัดการน้ำส่งเสริมเศรษฐกิจด้วยการปรับปรุงพื้นที่โครงการปลูก ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ได้แก่ แคนา เฮือก มะฮอกกานี ประดู่ มะค่าโมง และแปลงผักสวนครัว ซึ่งหากได้ผลผลิตที่ดีก็สามารถนำเข้าจำหน่ายที่ตลาดจริงใจของกลุ่มเซ็นทรัลต่อไป
นอกจากนี้ยังมี แปลงปลูกข้าว สายพันธุ์ หอมมะลินิลสุรินทร์ ข้าวสายพันธุ์ที่มีความอดทนต่อสภาพแวดล้อมนำมาเป็นอาหารสำหรับพระสงฆ์และผู้มาร่วมปฏิบัติธรรม เช่นเดียวกับ โครงการเลี้ยงไก่ไข่ปลอดภัยระดับชุมชน ที่นำผลผลิตมาเป็นอาหารสำหรับพระสงฆ์และผู้มาร่วมปฏิบัติธรรมเช่นกันและหากมีปริมาณมากพอก็สามารถนำเข้าจำหน่ายที่ตลาดจริงใจ ของกลุ่มเซ็นทรัลต่อไป และอีกสิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ ปรับปรุงภูมิทัศน์ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เพิ่มความสวยงาม และเป็นการเชิญชวนให้มาเยี่ยมชม
นอกเหนือจากโครงการศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ ทางกลุ่มเซ็นทรัล และ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันยังมีแผนที่จะดำเนินโครงการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ การบริหารจัดการขยะ โดยมุ่งเน้นไปที่โครงการที่สามารถช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม ทั้งมุ่งให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างชุมชน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งคำว่า “ยั่งยืน” นี้เองที่เป็นหัวใจที่ทางกลุ่มเซ็นทรัล และ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน นำมาเป็นรากฐานของการพัฒนาโครงการต่างๆ ร่วมกัน