Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต : หนังสือแนะนำสำหรับคนไม่นอน
Better Living

Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต : หนังสือแนะนำสำหรับคนไม่นอน

Focus
  • Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต เป็นหนังสือที่ว่าด้วยการนอน จากผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนตัวจริง “ศาสตราจารย์แมตธิว วอล์กเกอร์” ผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการด้านการนอนหลับของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์
  • การนอนดูเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนบุคล แต่ไม่น่าเชื่อว่า 2 ใน 3 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ ในประเทศพัฒนาแล้วกำลังประสบปัญหาการนอนที่น้อยกว่ามาตรฐาน ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต และปัญหาเศรษฐกิจ สังคมตามมา
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ “การอดนอน” เป็นโรคระบาดในประเทศอุตสาหกรรม และขณะนี้การนอนกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโลก

“จำครั้งสุดท้ายที่พักผ่อนครบ 8 ชั่วโมง จนตื่นเองอย่างสดชื่นโดยไม่พึ่งนาฬิกาปลุกของตนเองได้ไหม”

หากคำตอบคือ “ไม่” นั่นแปลว่าคุณกำลังเป็นหนึ่งในคนที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่อย่างสมบูรณ์ เพราะข้อมูลจาก National Sleep Foundation ได้ระบุไว้ว่าแม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วมีผู้ใหญ่มากถึง 2 ใน 3 ที่นอนไม่ครบ 8 ชั่วโมง อันหมายถึงช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนพื้นฐานที่ดีต่อสุขภาพ และเมื่อการนอนไม่หลับกำลังกลายเป็นปัญหาระดับโลก ศาสตราจารย์แมตธิว วอล์กเกอร์ (Matthew Walker) ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาศาสตร์และจิตวิทยา และเป็นผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการด้านการนอนหลับของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จึงขอชวนทุกคนมาทำความรู้จัก การนอน เสียใหม่ผ่าน Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต หนังสือที่จะพาคนนอนไม่หลับไปหาคำตอบว่า การนอนที่ดีจะเปลี่ยนชีวิตเราไปอย่างสิ้นเชิงได้อย่างไร

Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต

จิตใจ ต้องการการนอน

ชาร์ลอตต์ บรอนเต (Charlotte Bronte) นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษได้กล่าวประโยคอมตะไว้ว่า “หากจิตใจไม่สงบก็ไม่อาจข่มตาหลับ” และศาสตราจารย์แมตธิว ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ก็เห็นด้วยกับประโยคที่ว่านี้และย้ำอยู่ในหลายบทของ Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต เพราะจากการศึกษาพบว่าความสงบหรือไม่สงบของจิตมีผลโดยตรงต่ออาการนอนไม่หลับ ขยายสู่โรคซึมเศร้าภาวะทางจิตผิดปกติต่างๆและสิ่งเลวร้ายที่สุดของ การนอน ไม่เพียงพออาจจะมากไปถึงการส่งผลถึงแนวโน้มการฆ่าตัวตาย

ในทางร่างกาย การนอนน้อยกว่าคืนละ 6-7 ชั่วโมงมีผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งมากกว่า 2 เท่าและเป็นหนึ่งในปัจจัยของโรคอัลไซเมอร์ เมื่อคุณนอนหลับไม่พอในระยะเวลานานเป็นสัปดาห์ก็อาจสร้างความปั่นป่วนร้ายแรงของน้ำตาลในเลือดที่เป็นหนึ่งในเหตุของโรคเบาหวาน สิ่งที่ทำให้หลายคนมองข้ามอาการนอนไม่หลับ เพราะการนอนไม่หลับจะไม่ส่งผลทางร่างกายทันที แต่จะค่อยๆ สะสมและเมื่อสะสมเข้ามากๆ ก็จะปรากฏเอาเมื่อร่างกายป่วยหนักไปเสียแล้ว

Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต

นอนเพื่อชาติ

การนอนไม่พอไม่ได้ส่งผลเสียเฉพาะบุคคล แต่ผู้เขียนยังย้ำว่า การนอนอย่างมีคุณภาพยังสงผลโดยตรงต่อการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะแรงงาน สังคม เศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ การอดนอนถือว่าเป็นโรคระบาด เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ๆ เช่น ประเทศแถบยุโรปตะวันตก สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ทั้งนี้เหตุที่ การนอน ถือเป็นวาระสำคัญของชาติ เพราะ การนอน ไม่ใช่เพียงเรื่องของการพักผ่อน แต่การนอนที่ดียังเป็นการรักษา และป้องกันโรคภัยต่างๆ ทำให้ภาครัฐ รวมทั้งองค์กรเอกชน บริษัทต่างๆ สามารถบริหารจัดการต้นทุนด้านสาธารณสุขและสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นเพราะการนอนที่ดีนอกจากจะเพิ่มภูมิคุ้มกัน ต่อต้านมะเร็ง ยับยั้งอาการป่วยไข้แล้วยังช่วยปรับอินซูลินกับกลูโคสในเลือด รักษาระดับจุลินทรีย์ในลำไส้ และลดความดันในเลือดได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ข้อดีเหล่านี้จึงเป็นเสมือนการป้องกัน เสริมความแข็งแรงทางร่างกาย ดังนั้นนอกจากมิชชั่นเรื่องกินดีอยู่ดีแล้ว การนอนที่ดีก็จำเป็นต่อประเทศด้วย

การนอน

การนอนมีผลโดยตรงต่อสมองและความจำ
การนอนนอกจากจะช่วย “ลด” ในหลายๆ เรื่อง เช่น ลดความเสี่ยงของโรคลดความวิตกกังวล รวมทั้งลดความอ้วนจากการกินอาหารมื้อดึกที่จะส่งผลต่อเนื่องถึงการลดระดับน้ำตาลในเลือด การนอนหลับที่ดียังช่วย “เพิ่ม” ระบบความจำและการทำงานของสมองได้อย่างดีเยี่ยม แม้แต่ “เชกสเปียร์” กวีเอกของโลกยังเคยกล่าวถึงการนอนไว้ในวรรณกรรมชิ้นสำคัญอย่าง แม็คเบ็ธ ไว้ในองก์ที่สองฉากสอง ที่ได้พูดถึงการนอนหลับว่า “การนอนเป็นเครื่องบำรุงขวัญในงานสมโภชของชีวิต” ซึ่งแมตธิวได้กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่าการนอนทำงานกับสมองอย่างตรงไปตรงมา ที่สำคัญการนอนสามารถช่วยเยียวยาบาดแผลทางอารมณ์ ส่งเสริมความทรงจำและการเรียนรู้ของมนุษย์

ศาสตราจารย์แมตธิวเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า การนอนหลับอย่างมีคุณภาพช่วยฟื้นฟูสมอง พร้อมจัดระเบียบความทรงจำเพื่อเตรียมเคลียร์พื้นที่สำหรับความทรงจำใหม่ที่จะเข้ามา ทั้งยังป้องกันการหลงลืมของความทรงจำเดิมที่มี โดยแมตธิวได้ทำการทดลองเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยแยกกลุ่มหนุ่มสาวเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้งีบระหว่างวัน อีกกลุ่มกลับไม่ได้งีบ จากนั้นให้ทั้งสองกลุ่มจดจำภาพของใบหน้าและชื่อของคนกว่า 100 คู่ ผลพบว่ากลุ่มที่ไม่ได้งีบและตื่นตลอดวันมีการจดจำใบหน้าและชื่อได้แย่กว่ากลุ่มที่ได้งีบถึง 20%

เช่นเดียวกับนักเปียโนคนหนึ่งที่มีความติดขัดในการจำโน้ต และเขาก็มักจะเล่นผิดซ้ำๆ เขาจึงตัดสินใจนอนพัก และตื่นมาเล่นใหม่ ผลปรากฏว่าเขากลับสามารถเล่นตรงจุดที่เคยผิดซ้ำๆ ได้อย่างน่าประหลาด นั่นจึงยืนยันได้เลยว่าการนอนและการทำงานของสมองมีส่วนสัมพันธ์กัน

การนอน


เทคโนโลยี เครื่องมือขยายเวลาตื่น

สิ่งที่น่าตกใจอย่างหนึ่งในหนังสือ Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต เล่มนี้คือการเปิดเผยผลวิจัยที่บ่งชี้ว่า ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นเท่าใดก็ยิ่งทำให้นาฬิกาชีวิตด้านการตื่นและการหลับของมนุษย์แปรปรวนมากขึ้นเท่านั้น อย่างเรื่องใกล้ตัวที่สุดคือ“หลอดไฟ” ซึ่งได้กลายมาเป็นเครื่องมือขยายเวลาตื่นของคนในปัจจุบันแทนดวงอาทิตย์ผู้ทำหน้าที่ดับไฟให้โลกนี้อย่างตรงต่อเวลา และก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าไฟสลัวที่แม้สว่างเพียง 8-10 ลักซ์ ก็มีผลในการชะลอความง่วงของมนุษย์ได้

แต่ที่น่ากลัวไปกว่าโคมไฟคือ แสงสีฟ้า จากโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์หน้าจอที่คุณกำลังจ้องอยู่นี้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะปล่อยแสงสีฟ้าที่มีผลต่อการหลั่งเมลาโทนินเช่นกัน และอาจส่งผลให้ร่างกายกำหนดเวลานอนยากขึ้น ซึ่งศาสตราจารย์แมตธิวได้วิจัยเรื่องนี้โดยแบ่งกลุ่มคนศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งใช้แท็บเล็ตก่อนนอน อีกกลุ่มอ่านหนังสือเล่มก่อนนอน ในระยะเวลาเท่ากันคือคืนละ 2 ชั่วโมง ติดต่อกัน 5 คืน ผลปรากฏว่ากลุ่มผู้ใช้แท็บเล็ตมีผลกระทบในการหลั่งเมลาโทนินในเวลากลางคืนลดลงถึง 50% เลยทีเดียว คำแนะนำของแมตธิวไม่ได้ห้ามใช้อุปกรณ์เหล่านี้ เขาเพียงแนะนำให้ปรับหน้าจออุปกรณ์ที่มีแสงสีฟ้าให้ลดแสงหรือความสว่างจอลง พร้อมทั้งลดการเปิดไฟในห้องนอน รวมถึงหาม่านทึบแสงมาติดป้องกันหากมีแสงจากนอกห้องสามารถเข้ามารบกวน

เห็นไหมว่าแม้การนอนจะดูเหมือนง่าย ทำด้วยความเคยชินทุกวัน แต่ถ้าเรานอนอย่างไม่มีคุณภาพ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นปัญหาระดับชาติได้เลย

Fact File

  • Why We Sleep นอนเปลี่ยนชีวิต เขียนโดย แมตธิว วอล์กเกอร์ (Matthew Walker) แปลโดย ลลิตา ผลผลา
  • สำนักพิมพ์ BOOKSCAPE
  • ราคา 465 บาท

Author

อชิตพนธิ์ เพียรสุขประเสริฐ
มนุษย์ผู้ตกหลุมรักในการสร้างสรรค์ ภาพ เสียง แสง การเคลื่อนไหว นามธรรม และ การขีดเขียน