แอ่ว เวียงกุมกาม ยามแลง ย้อนต้นทางประวัติศาสตร์ของล้านนา
- ท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน “แอ่วกุมกามยามแลง” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 2 ธันวาคม 2566 เวลา 16.00 – 21.00 น. ณ ลานกิจกรรมวัดอีก้าง – วัดหนานช้าง เวียงกุมกาม ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
- เวียงกุมกาม ที่นี่ถือได้ว่าเป็นต้นทางของประวัติศาสตร์ของล้านนา เป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาสมัยพญาเม็งราย อายุเก่าแก่กว่า 700 ปี
เริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับโปรเจ็กต์เปิดโบราณสถานยามค่ำคืนเป็นไฮไลต์ท่องเที่ยวส่งท้ายปลายปี 2566 ของกรมศิลปากร ซึ่งกระจายไปในหลายโบราณสถานในภูมิภาคต่างๆ ประเดิมด้วย เวียงกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่ กับงาน แอ่วกุมกาม ยามแลง ซึ่งนำ “ผางประทีป” ฉบับล้านนาที่ทำจากดินเผา ใส่น้ำมัน และตีนกา มาประดับตกแต่งโบราณสถานซึ่งปกติจะเปิดเพียงไฟส่องสว่างยามค่ำคืน
ไฮไลต์งานจัดไฟผางประทีปอยู่ที่วัดอีก้าง วัดหนานช้าง และวัดปู่เปี้ย โดยงานจัดเพียงช่วงสั้นๆ ในค่ำคืนวันที่ 1-2 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่ยามแลงเป็นต้นไป (16.00-21.00 น.) พร้อมการแสดงศิลปะล้านนา โขนกลางโบราณสถาน และตลาดชุมชนขนาดย่อม พร้อมนำโคมผัดแบบโบราณมาตกแต่งกลางตลาด งานนี้ยังมีของที่ระลึกเป็น “มกรคายมังกรจีน” ที่ถอดมาจากเชิงบันไดตกแต่งอุโบสถวัดกู่ป้าด้อมในเขต เวียงกุมกาม ซึ่งเคยอยู่ใต้ชั้นตะกอนทรายลึกมากกว่า 2 เมตร สามารถลงทะเบียนรับมกรคายมังกรจีนได้ที่หน้างาน
สำหรับกลุ่มโบราณสถาน เวียงกุมกาม ที่นี่ถือได้ว่าเป็นต้นทางของประวัติศาสตร์ของล้านนา เป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาสมัยพญาเม็งราย อายุเก่าแก่กว่า 700 ปี โดยมีวัดหนานช้าง วัดอีก้าง เป็นใจกลางของเมืองซึ่งมีความสวยงามคลาสสิคตามแบบฉบับยุคทองของล้านนา
เดิมทีเวียงกุมกามเป็นเมืองในตำนานที่ปรากฏเพียงชื่อในเอกสารประวัติศาสตร์ ในฐานะเมืองที่พญามังรายทรงสร้างขึ้นก่อนการสถาปนาเมืองเชียงใหม่ โดยชื่อ “เวียงกุมกาม” ยังคงเป็นปริศนานับศตวรรษ จนกระทั่งเมื่อ ปี พ.ศ.2527 กรมศิลปากรได้ค้นพบเวียงกุมกาม และมีการขุดศึกษาทางโบราณคดีต่อเนื่องนานกว่า 3 ทศวรรษ
แม้ เวียงกุมกาม จะเปิดยามค่ำคืนเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่เปิดยามค่ำคืนในเดือนธันวาคมนี้ อาทิ วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์ พิมาย จังหวัดนครราชสีมา และพระปรางค์สามยอดลพบุรี โดยแต่ละที่จะมีตราประทับให้ได้สะสม และถ้าใครสะสมครบ 5 ที่ สามารถนำไปแลกรับของที่ระลึก ได้แก่ เหรียญพระพุทธสิหิงค์ รุ่นครบรอบ 112 ปี กรมศิลปากร, สมุดภาพ (ไดอารี่) และภาพชุด (ปฏิทิน) มรดกเรืองรอง เครื่องทองอยุธยา ได้ที่อาคารกรมศิลปากร (เทเวศร์) ชั้น 3 ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 จำนวนจำกัดเพียง 100 ชุดเท่านั้น
อ้างอิง : สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่