แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง : หนังสือที่จะเปลี่ยนความสิ้นหวัง และอับโชคขั้นสุดของมนุษย์
Lite

แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง : หนังสือที่จะเปลี่ยนความสิ้นหวัง และอับโชคขั้นสุดของมนุษย์

Focus
  • คิตางาวะ ยาซุชิ เป็นนักเขียนชาวญี่ปุ่นที่มีผลงานติดอันดับขายดีต่อเนื่อง และได้รับความนิยมจากแฟนนักอ่านต่างประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ เวียดนาม
  • แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง หนังสือที่เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่กำลังสิ้นหวังหมดไฟขั้นสุด

เกิดมาเป็นมนุษย์แน่นอนว่าเราย่อมหวังให้ชะตาชีวิตในห้วงร้อยปีที่เกิดมาได้พบเจอแต่ความโชคดี ความสำเร็จ สมปรารถนา แต่หากวันหนึ่งหน้าที่การงานซึ่งกำลังรุ่งเป็นอันต้องสะดุด แถมปัญหาครอบครัวก็มารุมเร้าในจังหวะเดียวกัน ด้านการเงินก็ส่อแววว่าหนี้ก้อนโตกำลังจะตามมา ความอับโชคขั้นสุดทุกด้านกำลังจะทำให้คุณสติแตก เมื่อนั้นคุณจะทำอย่างไร?

หากยังไม่มีคำตอบในทันที เราขอแนะนำให้กระโดดขึ้นแท็กซี่แห่งความหวังแล้วรัดเข็มขัดให้แน่น ก่อนจะออกเดินทางไปพร้อมกับบทสนทนาชวนขบคิดถึงชีวิตแสนยากเย็นใน แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง หนังสือที่เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่กำลังสิ้นหวังหมดไฟขั้นสุด ซึ่ง คิตางาวะ ยาซุชิ ผู้เขียนไม่ได้บอกตามตรงเป็นข้อๆ ว่าเวลาสิ้นหวัง มนุษย์อย่างเราควรทำหนึ่ง สอง หรือสาม แต่ คิตางาวะ ยาซุชิ กลับเลือกถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องเล่าบนรถแท็กซี่ประหลาดที่รับผู้โดยสารฟรีไม่คิดเงิน โดยมี โอกาดะ ชูอิจิ พนักงานขายประกันที่กำลังจะกลายเป็นดาวร่วงของบริษัทเป็นผู้ถ่ายทอดชีวิตที่เขาพร่ำบ่นกับตัวเองว่า “…ทำไมถึงมีแต่เราที่ต้องเจออะไรแบบนี้”

“ชีวิตมนุษย์น่ะจะมีจุดที่โชคชะตาพลิกผันได้แบบสุดขั้วอยู่ และมนุษย์ก็มีเสารับสัญญาณที่สามารถรับรู้เรื่องนั้นได้ติดตัวกันทุกคน เสารับสัญญาณที่ว่านี้จะทำงานได้ดีที่สุดเวลาเราอารมณ์ดี ในทางตรงกันข้าม เวลาเราอารมณ์เสียเสารับสัญญาณจะไม่ทำงาน”

นี่คือบทสนทนาที่คนขับแท็กซี่บอกกล่าวกับชูอิจิหลังจากรับและไปส่งเขายังสถานที่ที่สามารถพลิกชะตาชีวิตได้ แต่เสารับสัญญาณของชูอิจิดันพังเสียก่อน ความโชคดีจึงหลุดลอยไปต่อหน้าเขา ซึ่งบทสนทนานี้อาจฟังดูเหมือนโลกในอุดมคติคล้ายกับคนคิดบวกจะดึงดูดเฉพาะเรื่องดีๆ สิ่งดีๆ เข้ามา แต่สำหรับในหนังสือ แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง เล่มนี้กลับแตกต่างออกไป เพราะบทสนทนาและเหตุการณ์หลังจากนั้นจะค่อยๆ คลี่คลายส่งเหตุผลมาซัพพอร์ตว่าทำไมมนุษย์ถึงสามารถพลิกชะตาชีวิตได้ และค่อยๆ ใส่มุมมองว่า มนุษย์ทั่วไปที่อาจจะไม่ได้มีแท็กซี่ประหลาดอัดแน่นความหวังคอยวิ่งรับส่งจะสามารถพลิกชะตาชีวิตตัวเองได้อย่างไร

“ฟังนะครับคุณโอกาดะ โชคน่ะเป็นสิ่งที่จ่ายคืนเราทีหลัง คนที่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยจึงไม่มีทางมีเรื่องดีๆ เข้ามาได้ ถ้าไม่เคยสะสมแต้มก็ย่อมไม่มีแต้มไปแลกของจริงไหมครับ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็ยอมรับ แต่พอเป็นเรื่องโชคทีไร ยิ่งเป็นคนที่ไม่ได้สะสมแต้มเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากให้โชคเข้ามาหาตัวเองเสียอย่างนั้น”

แม้จะเป็นสำนวนที่อ่านง่าย แต่ผู้เขียนกลับใส่ปมชวนกระตุกความคิดไว้ตลอดบทสนทนา และอันที่จริงการแบ่งลำดับเหตุการณ์ สถานที่ และผู้คนที่แท็กซี่รับส่งความหวังพาไปเจอนั้นก็ไม่ต่างจากการเขียนลำดับ How to วิธีจัดการกับโชคชะตาที่สิ้นหวังขั้นสุดไว้ และสำหรับคนที่กำลังรู้สึกสิ้นหวังอย่างโดดเดี่ยว แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวังเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่คอยเป็นที่ปรึกษาในวันที่เรารู้สึกพังขั้นสุดก็ว่าได้ ทว่าแม้สุดท้ายผู้เขียนไม่ได้สรุปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือโชคดีที่สุดสำหรับชูอิจิ แต่อย่างน้อยเมื่อมีจุดพลิกชีวิตเกิดขึ้น ชูอิจิก็กล้าหาญที่จะลุกขึ้นไปจัดการกับมันและบอกกับตัวเองอย่างเต็มภาคภูมิในภายหลังว่า

“อ้อ มันเริ่มจากตรงนี้นี่เอง”

Fact File

แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง

ผู้เขียน : คิตางาวะ ยาซุชิ

ผู้แปล : อิศเรศ ทองปัสโณว์

สำนักพิมพ์ : WE LEARN

ราคา : 250 บาท


Author

ศรัณยู นกแก้ว
Online Editor ที่ผ่านทั้งงานหนังสือพิมพ์ พ็อกเก็ตบุ๊ค และนิตยสาร ปัจจุบันยังคงสมัครใจเป็นแรงงานด้านการผลิตคอนเทนต์