กฏของ ฮาวทูห้ามทิ้ง..ฉบับ “เต๋อ-นวพล”
- หลังจาก ฮาวทูทิ้งฯ เข้าฉาย กระแสเลือกที่จะทิ้งสิ่งจะต่างๆ รอบตัวก็ถาโถมในทุกสื่อ แต่สำหรับ เต๋อ-นวพล ธํารงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับเขากลับมีสิ่งที่ไม่อยากจะทิ้งเช่นกัน อย่าง อดีต ที่ถ้านวพลเลือกได้จะปล่อยความเสียใจในอดีตไว้เช่นนั้น
- เต๋อ-นวพล ธํารงรัตนฤทธิ์ คือ ผู้กำกับการแสดงที่ทำงานในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะอาร์ตแกลเลอรี หนังอิสระ หนังสตูดิโอ
ภายใน/GDH559/กลางวัน
ในห้องเงียบๆ ห้องหนึ่งในออฟฟิศ GDH559 สถานที่ปล่อยหนังใหม่อย่าง ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ผลงานล่าสุดของ เต๋อ-นวพล ธํารงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ทำงานในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะอาร์ตแกลเลอรี หนังอิสระ หนังสตูดิโอ
Sarakadee Lite โดย อชิตพนธิ์ เพียรสุขประเสริฐ (art creator) ขอชวน เต๋อ นวพล มาคุยเรื่องความคิด การงาน การสร้างภาพยนตร์ ไปจนถึงสิ่งสำคัญในชีวิตที่นวพลย้ำว่าห้ามทิ้ง แม้มันจะแย่เพียงใด
ฮาวทูการตั้งชื่อหนังของนวพลที่มักเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน?
นวพล : แล้วแต่เรื่อง สมมุติว่าถ้าเป็นหนังสตูดิโอจะตั้งกับสตูดิโอด้วยกัน หรือบางชื่อก็มาจากสตูดิโอเลย อย่าง ฟรีแลนซ์ คือชื่อจากสตูดิโอ ฮาวทูทิ้งฯ ตั้งด้วยกัน ส่วนถ้าเป็นหนังอิสระของเราเอง เราตั้งเอง โดยใช้คำที่รู้สึกถูกต้องกับหนัง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำภาษาอังกฤษ แล้วก็ไม่ได้สนใจมากว่าต้องมีภาษาไทยหรือเปล่า สังเกตว่าถ้าเป็นหนังของตัวเองจะไม่มีชื่อไทยเท่าไร หรือมีชื่อไทยน้อยมาก เช่น 36, Marry is Happy Marry is Happy, The Master, Die Tomorrow, Girl Don’t Cry อย่างพวกนี้ก็ไม่ได้มีชื่อไทย ยกเว้นพวกชื่อหนังสตูดิโอที่ต้องมีชื่อไทยไว้สื่อสาร
ทำไมถึงอยากตั้งชื่อภาษาอังกฤษ หรือคิดถึงการไป film festival ?
นวพล : ไม่เกี่ยวเลย เราชอบคำง่ายๆ เรารู้สึกว่าภาษาไทยกว่าจะคิดคำได้คำหนึ่งมันยาก แต่คำภาษาอังกฤษโดยเฉพาะอย่างคำที่เราเลือกใช้ก็เป็นคำง่ายๆ แบบ Die Tomorrow, Marry is Happy Marry is Happy อาจจะคิดไปเองว่าภาษาอังกฤษมันเปิดกว้างกว่า ไม่ได้เฉพาะเจาะจงในความหมายมาก เวลาคิดชื่อหนังจึงแทบไม่เคยคิดจากภาษาไทยก่อน อย่างฟรีแลนซ์ ตอนเขียนบทก็ใช้ชื่อภาษาอังกฤษ Heart Attack หรือของ ฮาวทูทิ้งฯ ก็ใช้ Happy Old Year ชื่อนี้ใช้เป็นชื่อ international title ของหนัง ส่วนชื่อไทยมาทีหลัง
ฮาวทูทำงานทั้งอาร์ตแกลเลอรี หนังสตูดิโอ หนังอิสระ?
นวพล : จุดยืนร่วมในสามพื้นที่คือทำในสิ่งที่สนใจ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องที่เราเล่าว่าเรื่องนี้ควรอยู่ในพื้นที่ไหน เช่น อาร์ตแกลเลอรีทำให้ผู้ชมมีปฏิกิริยากับนิทรรศการได้ก็ควรใช้พื้นที่แบบนี้ เพราะหนังอาจทำแบบนี้ไม่ได้ แต่อย่างหนังอิสระกับหนังสตูดิโอจะอยู่ที่หัวข้อหรือแนวคิดว่าเราอยากทำอะไร ตอนทำ Die Tomorrow เราอยากทำ long take หนึ่งวันธรรมดาก่อนที่จะเกิดคนตายในวันถัดมา เราคิดว่าถ้าเป็น topic นี้เราอยากถ่ายทำแบบนี้ ตัวเรื่องเกือบไม่มีปมขัดแย้งซึ่งเรารู้ว่าหนังในสตูดิโอมันจะไม่เป็นแบบนั้น เราก็จะไม่เอาโปรเจกต์แบบนี้ไปเสนอสตูดิโอ
สมมุติเรามีเรื่องแบบ ฮาวทูทิ้งฯ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัว เราก็นำมาเสนอในแบบสตูดิโอ เพราะคิดว่าทุกคนดูได้ ใจความคือต้องดูว่าเรื่องแบบนี้ควรอยู่ที่ไหน โปรเจกต์นี้ควรไปเป็นอะไร แต่ว่าทั้งหมดยังไม่เคยเขียนบทจากเรื่องของคนอื่น ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเขียนจากเรื่องของตัวเองเลยเหมือนข้ามจุดที่ว่า เรามาทำหนังอินดี้กันดีกว่า หรือหนังแบบไหนดีกว่า เราก็แค่ทำหนัง ไม่ได้มีเป้าหมายว่าเราต้องอาร์ตหรือแมส อยู่ที่ไอเดียว่าตอนนั้นเราอยากเล่าเรื่องอะไรมากกว่า
จริงๆ เราโตมาจากอินดี้ก่อน แล้วมาฝึกงานกับ GTH ซึ่งเราว่าแต่ละที่มีความรู้ที่น่าสนใจ ถ้าเราเปิดเราก็จะหาความรู้จากเขาได้ เขาทำหนังในโลกที่เขามองเห็น เราก็ทำหนังในโลกที่เรามองเห็น แค่ไม่เหมือนกัน แต่เรียนรู้จากกันและกันได้ เลยไม่ได้รู้สึกว่าแมสหรืออินดี้แยกขาดกัน หรือแม้ตอนเราทำสารคดี The Master เป็นหนังอินดี้เราก็ทำสามองก์เหมือนหนังเล่าเรื่องปกติ เราว่ามันหยิบยืมความรู้กันได้ ถ้าเราเข้าใจก็อาจช่วยพัฒนากันไปได้นะ
ฮาวทูทำโปสเตอร์หนังแบบนวพล
ที่ต่างจากโปสเตอร์หนังสตูดิโอใหญ่ๆ
นวพล : ที่คุณตั้งข้อสังเกตว่าโปสเตอร์หนังสตูดิโออย่าง GDH คล้ายกัน เพราะเขามีรสนิยมที่ใกล้กัน แต่เราต่างหากที่โดดออกมา สตูดิโอเวลาเขาเลือกคนเข้ามาทำงาน
เขาคิดมาแล้วว่าใครจะมาทำอะไร เช่น เราคงไม่ได้ทำ ตุ๊ดซี่ส์แอนด์เดอะเฟค
แน่นอน เพราะเราก็ทำไม่ได้ เขาก็รู้ว่าเราทำหนังประมาณนี้มันต่างกันด้วยรสนิยม
พอคุยกันตรงๆ แต่แรกเหมือนเราชวนเขาไปจังหวัดนี้สตูดิโอไปไหม ถ้าไปก็ไปด้วยกัน คุยให้รู้เรื่อง
อธิบายให้สตูดิโอเข้าใจ เขาโอเค เราโอเค ก็ทำด้วยกัน
ฮาวทูทิ้งได้แรงบันดาลใจจากแนวคิดการจัดบ้านของ คนโด มาริเอะ บ้างไหม?
นวพล : บางมาก เพราะปกติเราเก็บบ้านอยู่แล้ว มาริเอะเขาก็มาดังจากการออกหนังสือช่วง 2-3 ปีนี้ ซึ่งเป็นจังหวะที่พอดีกันกับที่เริ่มทำหนัง ถ้าถามว่ามีอะไรตรงกันไหม เราว่าจึ๋งหนึ่งอะ เพราะหนังเราไม่ได้พูดเกี่ยวกับสิ่งที่มาริเอะพูดขนาดนั้น มาริเอะพูดแบบฮาวทู เช่น ให้ตัดใจทิ้งของเลย แต่เราคิดว่าคนจริงๆ เวลาทิ้งมันไม่ง่ายแบบนั้น ซึ่งเขาไม่ได้พูดเรื่องแบบนี้
หนังที่ชอบในวัย 35 ปีของนวพล ?
นวพล : Leaving Neverland มันดุเดือดมาก อีกเรื่องเป็นหนังสั้น I’m easy to find ของ Mike Milles แล้วก็ VICE ที่ คริสเตียน เบล เราชอบ Mike Milles อยู่แล้ว เขาเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ พอเขาเอางานกราฟิกมาทำภาพเคลื่อนไหว ผสมการเลย์เอาต์หนังสือมาผสมกับหนัง ส่วนเรื่องที่เล่านี้มันบางมาก แต่รู้สึกว่ามีคลื่นตรงกันอยู่ ส่วน VICE เรื่องที่ คริสเตียน เบล เล่น แต่ไม่ค่อยดัง ไม่รู้เหมือนกันทำไมไม่ดัง หนังเล่าเรื่องสนุกมาก เหมือนวัยรุ่นเล่าแบบ เฮ้ยกูไปเจอไอ้นู้นไอ้นี้มาว่ะ ไปเจอคนค้ายา ไปเจอเรื่องต่างๆ แล้วมันเล่าสนุก เรื่องการเมืองที่ยากก็ทำให้เข้าใจง่ายได้
ฮาวทูเลือกสิ่ง ห้ามทิ้ง ของนวพล ?
นวพล : ครอบครัว พ่อแม่ คำตอบเบสิกมาก แต่พ่อแม่เป็นฐานของเรา เราคือเรา ไม่ใช่ครอบครัวศิลปินอะไรเลยชาวบ้านๆ เลย แต่ครอบครัวเราเป็นฐานที่แข็งแรงมาก แม้ไม่มีผลในการสร้างสรรค์ในแง่แบบชวนอ่านหนังสือ ถกเถียงศิลปะอะไรขนาดนั้น แม่เหมือนแม่ทั่วไป แค่รู้สึกว่าชีวิตเราประหยัดเวลาไปเยอะเพราะพ่อแม่ ฟังดูอาจเหมือนไม่มีผล แต่ก็มีผลอยู่เหมือนกัน ยิ่งช่วงอายุนี้พ่อแม่เราแก่ขึ้น เราก็แก่ขึ้น เลยรู้สึกเรื่องนี้สำคัญขึ้นมา
ฮาวทูทำการทำงานฉบับนวพล?
นวพล : ต้องตั้งใจทำ คือถ้าตั้งใจเราจะรู้สึกโอเค อย่าขี้เกียจ ถึงมันไม่ดีก็ยอมรับว่าปีนั้น ตอนนั้น เรามีความสำคัญเท่านี้จริงๆ แต่ต้องตั้งใจ เพราะเรื่องดีไม่ดีมันตอบยาก รสนิยมมันส่วนตัวมากๆ ถ้าเราเต็มที่แล้วก็เท่าไหนเท่านั้นแหละ
ฮาวทูแพลนอนาคตของตัวเองไว้อย่างไร?
นวพล : เราอยากทำอย่างอื่นมากขึ้นที่อาจไม่ใช่หนัง เราทำหนังติดกันมาจนเรื่องในหนังมันตามความคิดในชีวิตทันแล้ว
จนเหมือนว่าเอาความคิดประสบการณ์ที่อยากทำมาทำหมดแล้ว
อนาคตก็อยากทำอย่างอื่นไปเลยอะ เราไม่มองไกลมาก เพราะอาจตายพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ เราคิดระยะสั้นๆ ก่อน เช่นครึ่งปีนี้จะทำอะไร สิ้นปีหลังจะตามมาเองจากการทำครึ่งปีแรกนี้ก่อน
แล้วถ้าอยากทำอะไรต่อมันก็จะเกิดขึ้นมาเองเหมือนกัน
ถ้าไม่ใช่คนทำหนัง นวพลจะทำอะไร?
นวพล : อยากทำกระเป๋า ทำไม่เป็นนะ แต่สนใจ เพราะบางทีเรามีแบบกระเป๋าที่อยากได้
แต่ไม่มีใครทำขาย เลยอยากทำใช้เองและคิดว่าคงมีคนคิดเหมือนเราอยู่
ถ้าย้อนเวลาได้มีเรื่องเศร้าของนวพลที่อยากทิ้งไหม? นวพล : ถ้าย้อนเวลาเหรอ โห…ไม่เอาว่ะ กลัวไทม์ไลน์ชีวิตสะเทือน บางทีกว่าจะมีวันนี้ได้ต้องมีเรื่องแย่ๆ ด้วย ถ้าไม่มีกลัวว่าจะไม่มีบางความคิดที่มีในวันนี้ และส่วนใหญ่ไอเดียหรือการเรียนรู้ของเรามาจากเรื่องแย่ทั้งนั้นแหละ
ถ้าไม่ต้องย้อนเวลา เรื่องอะไรที่นวพล sad สุด?
นวพล : การที่ต้องเลือกว่า เอาอะไร ไม่เอาอะไร เช่นการเลือกนักแสดงซึ่งเป็นงานเราและเราต้องเจอคนที่เราไม่เลือกแล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบเวลาเลือกอะไรไม่เลือกอะไรกับสิ่งอื่นในชีวิตเลย สิ่งอื่น เรื่องอื่นก็ด้วย ถ้าต้องเลือกนะ
ถ้านวพลไม่ติดเรื่องเงินเราจะได้ดูหนังแบบไหน?
นวพล : อยากทำหนังพีเรียดเหมือนกันนะ ทำ biopic ไทย แต่ไม่ต้องโบราณมาก นึกเร็วๆ แบบหมอบรัดเลย์ก็ได้ หรือกรุงเทพฯ ในช่วง
2490 แค่คิดก็ยากแล้วนะ อยากทำเกี่ยวกับนางสาวไทยเหมือนกัน ไม่รู้สิ…เราก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนางสาวไทยนะ
แต่อยากทำ อาจอยู่กับผู้หญิงเยอะมั้ง ขนาดในกองถ่ายเราก็มีผู้หญิงเป็นส่วนเยอะ หรือถ้าผู้ชายก็จะนุ่มนวลหน่อยไม่โหดมาก
เพราะเราซอฟต์ด้วยมั้ง คนอื่นเลยซอฟต์ตามกันไปด้วย
ฮาวทูเลือก “นางเอก” ของนวพล?
นวพล : มันจะบอยๆ หน่อย ตัวละครผู้หญิงเราจะบอย ตัวละครผู้ชายผมจะ girly หลังๆ ไม่คิดเรื่องเพศเท่าไร มันเป็นแค่ตัวละครประเภทแบบนี้ เป็นประเภทที่ชอบ ชอบทำตัวละครผู้หญิง เวลาเขียนตัวละครผู้ชายบางทีก็มีความเป็นหญิงอยู่ในตัวละครชาย
ถ้าผมอยู่ในจักรวาลหนังนวพล ผมจะอยู่ส่วนไหน และเรื่องอะไร?
นวพล : อยู่ใน ฮาวทูทิ้งฯ ก็ได้นะ ต้องไปดูแล้วจะรู้ว่าคุณอยู่ฉากไหน เพราะมันมีฉากนั้น (หัวเราะ) ถ้าคุณจะตอบได้ว่าคุณเป็นใคร คุณต้องไปดูหนังครับ และการคุยกันวันนี้เราจะจบกันแบบซีรีส์ EP. 1
CUT !
จบ.
ภาพ: Akkapon Kumpusan