Fitness First เปิดประตูรับสายฟิตอีกครั้งฉบับ New Normal

หลังจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา (โควิด-19) คลี่คลายลงและมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อให้สถานประกอบการหลายๆ ประเภทสามารถเปิดทำการได้ Fitness First หนึ่งในธุรกิจด้านการออกกำลังกายก็ได้กลับมาเปิดประตูต้อนรับคนรักสุขภาพ back to gym อีกครั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมมาตรการด้านความปลอดภัยฉบับ new normal ที่เน้นย้ำในเรื่องของการรักษาระยะห่างและความสะอาดเป็นหัวใจสำคัญ

สำหรับสมาชิกที่ต้องการมาใช้บริการ ด่านแรกสุดเลยที่ต้องเจอคือการสแกน QR Code เพื่อเช็คอินผ่านแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” พร้อมทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์และทำการตรวจวัดอุณหภูมิ ก่อนจะผ่านเข้าไปสู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งจุดนี้ทาง Fitness First ได้มีการปรับรูปแบบใหม่โดยการให้สมาชิกทำการสแกนบัตรเช็คอินด้วยตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสต่อกัน จากเดิมที่พนักงานต้องเป็นผู้รับบัตรสมาชิกเพื่อทำการเช็คอินให้

ในส่วนของเลาจน์ พื้นที่ส่วนรวม และโซนเครื่องออกกำลังกาย ได้มีการจัดให้มีการเว้นระยะห่างสองเมตรในทุกพื้นที่ รวมถึงมีบริการน้ำยาทำความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อและเจลแอลกอฮอล์จัดตั้งไว้เป็นระยะทั่วบริเวณ ซึ่ง อรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงเรื่องการรักษาความสะอาดของการกลับมาเปิด ฟิตเนส เฟิรสท์ ไว้ว่า

“สิ่งสำคัญคือการขอความร่วมมือกับสมาชิก ไม่มีทางที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำแล้วมีประสิทธิผลที่ดีเกิดขึ้น สมาชิก ฟิตเนส เฟิรสท์ คุ้นชินกับการทำความสะอาดอุปกรณ์ ซึ่งเราบอกอยู่เสมอว่าจะต้องทำความสะอาดก่อนและหลังใช้บริการเสร็จ ดังนั้นเมื่อมีการเสริมมาตรการต่างๆ เข้าไปอีก สมาชิกก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาก

“ที่สำคัญคือ พนักงานที่นี่จะมียูนิฟอร์มคือการสวม Face Shield และหน้ากากผ้า สำหรับผู้มาใช้บริการในกรณีที่อยู่ในพื้นที่ส่วนรวม เลาจ์ หรือทางเดินเราจะขอให้ใส่หน้ากาก แต่ในขณะออกกำลังกายเราให้สมาชิกเลือกที่จะไม่ใส่ได้เพราะอาจจะไม่เหมาะสำหรับการออกกำลังกาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือห้ามทิ้งหน้ากากอนามัยไว้นอกตัว โดยอาจจะดึงไว้ใต้คางหรือเก็บใส่ในอุปกรณ์ส่วนตัว”

ด้านมาตรการในการรักษาระยะห่างสำหรับคลาสออกกำลังกายต่าง ๆ หนึ่งสิ่งใหม่ที่ทาง ฟิตเนส เฟิรสท์ ดำเนินการคือการพัฒนาและเปิดใช้แอปพลิเคชัน ฟิตเนส เฟิรสท์ ที่มีฟังก์ชันให้สมาชิกสามารถเช็คตารางคลาสออกกำลังกาย และทำการจองคลาสล่วงหน้า เพื่อจำกัดจำนวนคนเข้าใช้บริการ และสมาชิกเองก็สามารถวางแผนเรื่องเวลาการออกกำลังกายของตนเองได้ ในระบบของแอปพลิเคชันจะแสดงตารางคลาสต่างๆ ล่วงหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งจะทำการจองล่วงหน้าได้ 48 ชั่วโมง โดยที่ต้องทำการจองอย่างช้าที่สุดไม่เกิน 20 นาที และต้องยืนยันสิทธิการจองไม่น้อยกว่า 5 นาทีก่อนเวลาเข้าคลาสออกกำลังกายนั้นๆ

ภายในห้องสตูดิโอสำหรับการออกกำลังกายไม่ว่าจะห้องกรุ๊ปเทรนนิ่งหรือห้องออกกำลังกายสาย mind body เช่น โยคะ หรือ พิลาทิส จะมีหลักการปฏิบัติในหลักเกณฑ์เดียวกันคือ การกำหนดจุดเพื่อเว้นระยะห่างทั้งครูฝึกกับผู้มาใช้บริการ และกับผู้มาใช้บริการด้วยกันเองเป็นระยะห่าง 2 เมตรตามมาตรการ สำหรับโยคะก็จะมีการกำหนดจุดวางสำหรับหัวและท้ายของเสื่อโยคะไว้อย่างชัดเจน โดยจะไม่มีการขยับหรือหมุนเสื่อ รวมถึงคลาสกรุ๊ปเทรนนิ่งครูฝึกจะทำการดีไซน์โปรแกรมออกกำลังกายใหม่ทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กัน โดยที่ตารางคลาสออกกำลังกายแต่ละคลาสจะทิ้งระยะห่างราว 15 นาทีหลังจบคลาส เพื่อทำความสะอาดทั้งพื้นที่และอุปกรณ์ อีกทั้งมีการใช้เครื่องโอโซนเจเนอเรเตอร์เพื่อทำการรีเฟรชอากาศภายในห้อง ก่อนที่จะมีผู้มาใช้บริการต่อไป

อรวรรณได้เล่าเสริมถึงวิธีแก้ปัญหาของ ฟิตเนส เฟิรสท์ ในเรื่องจำนวนคนที่สามารถเข้าคลาสได้น้อย จากการเว้นระยะห่างที่ทำให้แต่ละพื้นที่รองรับจำนวนผู้ใช้บริการได้ลดลงราว 50-60% ว่า “เราเพิ่มความถี่ของจำนวนคลาสมากขึ้น เดือนนี้ในเครือข่ายของเรามีประมาณ 30,000 คลาส ซึ่งเพิ่มขึ้นมาประมาณเกือบ 1,000 คลาส เพื่อให้สมาชิกมีตัวเลือกในการจองมากขึ้น ซึ่งเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกและศักยภาพของพนักงานที่พร้อมจะทำได้”

นอกจากจำนวนคลาสที่เพิ่มขึ้นแล้ว ฟิตเนส เฟิรสท์ ยังมีการเพิ่มการสื่อสารกับกลุ่มสมาชิก รวมถึงคนทั่วไปผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยการ live ทางแฟนเพจ Fitness First Thailand ในชื่อโปรเจคต์ Group Fitness at Home For Free ถึง 5 คลาสต่อวัน เผยแพร่ต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2563 หลังจากที่ฟิตเนสต้องปิดให้บริการเพียงวันเดียว ซึ่งมีคลาสหลากหลายประเภทให้ติดตามตามความต้องการ จากการเล็งเห็นถึงการรักษาสัมพันธ์และความรับผิดชอบต่อสมาชิก ซึ่งสมาชิกบางคนมีเงื่อนไขในเรื่องการออกกำลังกายที่ชัดเจน รวมถึงมีการเพิ่มโปรแกรม ชั่วโมงพละที่บ้าน (Family Workout) ขึ้นมาเพื่อเป็นกิจกรรมเสริมสำหรับเด็ก ๆ ในช่วงโรงเรียนปิดอีกด้วย

“เราเพิ่มชั่วโมงพละที่บ้าน โดยเลือกใช้ภาษาง่าย ๆ เพราะเด็ก ๆ จะรู้จักชั่วโมงพละจากโรงเรียนอยู่แล้ว ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากน้อง ๆ ทั่วประเทศ เรามองเห็นความเป็นไปได้มากมาย ในช่องทางออนไลน์เราต้องสื่อสารให้ได้ครบทุกกลุ่ม ซึ่งสิ่งที่เราได้คืออะไรเราไม่รู้ จริงๆ มันคือความรับผิดชอบ เรามีศักยภาพในเรื่องของพนักงาน ความรวดเร็วและการจัดการ เราคิดว่ามันคือความรับผิดชอบที่ควรจะต้องพยายามหาทางเลือกด้านการออกกำลังกายให้กับผู้ชมทางบ้าน”

“ช่วงที่ฟิตเนส เฟิรสท์ ปิดบริการจากมาตรการล็อกดาวน์ ทีมงานเราทำงานหนักมาก ๆโดยมีแค่สามข้อเท่านั้นที่เราต้องทำให้ได้ ข้อที่หนึ่งเราต้องเก็บพนักงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่เราไม่รู้เลยว่าเราจะโดนปิดทั้งหมดกี่เดือน สองคือเราจะสร้างการมีส่วนร่วมกับสมาชิกที่เราไม่เจอหน้ากันอย่างไรให้ดีที่สุด และข้อที่สามเราจะกลับมาเปิดอย่างไรให้ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งไม่ได้แปลว่าการมีแคมเปญที่ใหญ่ แต่คือการทำให้สมาชิกรู้สึกดีมาก ๆ ที่อยากจะกลับมาและรู้สึกคุ้ม”

จากวันแรกที่ ฟิตเนส เฟิรสท์ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง อรวรรณกล่าวว่ามีสมาชิกเริ่มเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับผู้ใช้บริการที่ยังไม่มั่นใจในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย ทาง ฟิตเนส เฟิรสท์ ก็ยังคงเข้าใจและมีแนวทางในการดูแลสมาชิกที่ยังไม่พร้อมด้วยการอนุโลมการฟรีซค่าสมาชิกในเดือนมิถุนายน เป็นเวลา 1 เดือนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงการให้เครดิตเงินคืนสำหรับช่วงเวลาที่คลับปิดให้บริการในเดือนมีนาคม และการขยายเวลาสำหรับแพ็คเกจครูฝึกส่วนตัว (Personal Training) ออกไป

การ Live ผ่านช่องทางออนไลน์ Fitness First ยังคงทำโปรเจคต์นี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการเปิดบริการแล้ว โดยที่ยังไม่ได้มองถึงการเป็นธุรกิจใหม่ แต่เป็นการศึกษาเรียนรู้ ซึ่งอรวรรณได้กล่าวถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจของ Fitness First ว่าคือการรักษาสัมพันธ์กับสมาชิกให้คงอยู่ด้วยการมีความเชื่อมั่นไว้วางใจต่อกัน โดยยึดหลัก  ‘สมาชิกแฮปปี้ พนักงานแฮปปี้ บริษัทอยู่ได้’

Fact Files

• Facebook : Fitness First Thailand
• Instagram : fitnessfirstthailand
• Youtube : Fitness First Thailand
• Website : www.fitnessfirst.co.th
• โทร. 02-118-6665