
Tower of the Sun มรดกจาก Expo ’70 เมื่อญี่ปุ่นคือชาติแรกในเอเชียที่ได้จัด World Expo
- Tower of the Sun หรือ หอคอยแห่งพระอาทิตย์ ประติมากรรมหอคอยสูง 70 เมตร มีแขนสองข้างซ้ายขวา ผลงานการออกแบบของศิลปินแนวอาวองการ์ด ชื่อ โอคาโมโตะ ทาโร่
- ด้านบนสุดของหอคอยโดดเด่นด้วยใบหน้าที่ออกแบบให้เป็นหน้ากากทองคำสื่อถึง “อนาคต” ส่วนกลางคือใบหน้าของดวงอาทิตย์ Face of the Sun สื่อถึง “ปัจจุบัน” ส่วนด้านหลังหอคอยมีพระอาทิตย์สีดำ Black Sun หมายถึง “อดีต”
มหกรรม World Expo ถือได้ว่าเป็นงานเทศกาลที่มีความสำคัญกับประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ย้อนไปใน ค.ศ. 1965 ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก BIE หรือ Bureau International des Expositions ซึ่งเป็นสมาคมที่ทำหน้าที่จัดงาน World Expo โดยในก่อนหน้านั้นงาน World Expo หมุนเวียนจัดแสดงอยู่เพียงประเทศแถบยุโรปและอเมริกา ประเทศเจ้าภาพส่วนใหญ่มักเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีฐานะทางเศรษฐกิจการเงินเรียกได้ว่าร่ำรวย ทว่าหลังจากที่ญี่ปุ่นเข้าร่วมเป็นสมาชิก BIE ต่อมาในปี ค.ศ. 1970 การจัด Expo 1970 Osaka หรือ Expo ’70 ก็เกิดขึ้นและทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมระดับโลกเช่นนี้ ตรงกับช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกลับมาเข้มแข็งและเติบโตทางเศรษฐกิจอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยครั้งนั้นมีผู้เข้าชมงานมากถึง 64 ล้านคน และญี่ปุ่นก็ยังคงรักษาประวัติศาสตร์สำคัญ Expo ’70 ผ่านประติมากรรม Tower of the Sun ที่กลายเป็นแลนด์มาร์คของโอซาก้าในปัจจุบัน


มรดกของ Expo ’70 ที่เป็นที่กล่าวขานและยังคงเก็บรักษาไว้ก็คือ Tower of the Sun หรือ หอคอยแห่งพระอาทิตย์ ประติมากรรมหอคอยสูง 70 เมตร มีแขนสองข้างซ้ายขวา ผลงานการออกแบบของศิลปินแนวอาวองการ์ด (avant-garde) ชื่อดังแห่งยุค โอคาโมโตะ ทาโร่ (Taro Okamoto) ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของพาวิลเลียนหลัก (Theme Pavilion) โดยโครงสร้างของหอคอยแห่งพระอาทิตย์นั้นดูภายนอกคล้ายกับงานประติมากรรมขนาดใหญ่แนวอาวองการ์ดที่ดีไซน์ล้ำมาก แต่โครงสร้างด้านในกลับกลวงและมีพื้นที่สำหรับจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวิวัฒนาการของชีวิต อีกทั้งตัวหอคอยยังถูกใช้เป็นแกนกลางในการชมนิทรรศการหลัก และเชื่อมโซนจัดแสดงงานที่มีการแบ่งระดับการเข้าชมทั้งบนดิน ใต้ดิน และกึ่งลอยฟ้ากลางอากาศ ซึ่งเป็นการอวดความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรมการออกแบบของญี่ปุ่น



ด้านบนสุดของหอคอยโดดเด่นด้วยใบหน้าที่ออกแบบให้เป็นหน้ากากทองคำสื่อถึง “อนาคต” ส่วนกลางคือใบหน้าของดวงอาทิตย์ Face of the Sun สื่อถึง “ปัจจุบัน” ส่วนด้านหลังหอคอยมีพระอาทิตย์สีดำ Black Sun หมายถึง “อดีต” และยังมีโซนลับๆ นั่นก็คือ Underground Sun เป็นใบหน้าพระอาทิตย์ขนาดใหญ่ ยาว 11 เมตร สูง 3 เมตร จัดแสดงอยู่ในโซนนิทรรศการชั้นใต้ดินของพาวิลเลียนเชื่อมโยงกับนิทรรศการจุดกำเนิดของมนุษยชาติ แต่หลังจาก Tower of the Sun ถูกปิดไปเป็นเวลากว่า 50 ปี ก็ไม่มีใครรู้ว่าหน้ากากใต้พิภพนี้ถูกเก็บรักษาหรือหายไปอยู่ที่ใด


หลังจากจบงาน Expo ’70 พื้นที่โดยรอบหอคอยแห่งพระอาทิตย์ถูกเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะที่ชื่อ Expo’70 Commemorative Park มีประติมากรรมหอคอยแห่งพระอาทิตย์ที่ยังคงโดดเด่นเพื่อรำลึกถึงความสำเร็จด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของญี่ปุ่น ส่วนด้านในหอคอยก็นั้นถูกปิดยาวถึง 50 ปี และเพิ่งเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมด้านในอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ และทำให้หอคอยแห่งพระอาทิตย์กลายเป็นหมุดหมายด้านการท่องเที่ยวของโอซาก้า อีกทั้ง หอคอยแห่งพระอาทิตย์ ยังได้กลายเป็นฉากสำคัญของมังงะแห่งยุคอย่างเรื่อง 20th Century Boys ปลายปากกาของ นาโอกิ อุราซาว่า

ย้อนรอยประวัติสาสตร์ World Expo
World Expo หรือชื่อเต็ม World Exposition เป็นงานแสดงนวัตกรรมการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดย World Expo จัดขึ้นครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใน ค.ศ.1851 อันเป็นผลพวงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ซึ่งชาติมหาอำนาจโดยเฉพาะฝั่งยุโรปต่างก็ต้องการแสดงศักยภาพความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนโลก นั่นจึงเป็นเหตุผลของการจัดงานเอ็กซ์โปครั้งแรกที่อังกฤษโดยใช้ชื่องานว่า The Great Exhibition ตรงกับสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรีย

ผู้ริเริ่มการจัดงาน World Expo ก็คือเจ้าชายอัลเบิร์ต พระสวามีของพระนางเจ้าวิคตอเรีย ถือเป็นการจัดนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ผสมผสานระหว่างการแสดงภาพลักษณ์ของประเทศเข้ากับการสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่เกิดขึ้นได้ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม และจากครั้งนั้นก็ได้มีการจัดตั้งสมาคม Bureau International des Expositions (BIE) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่กรุงปารีส เพื่อเป็นองค์กรในการจัดงาน World Expo ครั้งต่อๆ ไป
Fact File
- หากต้องการชมด้านใน Tower of the Sun ให้จองตั๋วล่วงหน้าที่ https://taiyounotou-expo70.jp/en/ หรือ Klook
