When Life Gives You Tangerines แด่ผู้หญิง ความรัก ความฝัน และการดิ้นรนในทุกฤดูกาลชีวิต
Lite

When Life Gives You Tangerines แด่ผู้หญิง ความรัก ความฝัน และการดิ้นรนในทุกฤดูกาลชีวิต

Focus
  • When Life Gives You Tangerines ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน ซีรีส์โรแมนติกดราม่าเคล้าเรื่องราวชีวิตในทุกช่วงฤดูกาล ถ่ายทอดผ่านตัวละคร ยังกวานชิก รับบทโดย พัคโบกอม, พัคแฮจุน และ โอแอซุน รับบทโดย ไอยู, มุนโซรี
  • จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเกิดขึ้นบนเกาะเชจูทางตอนใต้ของประเทศเกาหลีใต้ เรื่องนี้จึงมีชื่อเรื่องภาษาเกาหลีว่า 폭싹 속았수다 มีความหมายตามภาษาถิ่นและวัฒนธรรมของเชจูว่า ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก
  • ซีรีส์เรื่องนี้แบ่งการออกอากาศออกเป็นสี่ชุด สัปดาห์ละ 4 ตอนทาง Netfilx เพื่อให้ผู้ชมได้ซึมซับไปกับฤดูกาลของชีวิตตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

When Life Gives You Tangerines ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน ซีรีส์โรแมนติกดราม่าเคล้าเรื่องราวชีวิตในทุกช่วงฤดูกาลผ่าน ยังกวานชิก (รับบทโดย พัคโบกอม) เด็กหนุ่มใสซื่อลูกชายเจ้าของแผงปลาบนเกาะเชจู เขามาพร้อมความแข็งแกร่งและความรักมั่นคงจริงใจที่มีต่อ โอแอซุน  (รับบทโดย ไอยู หรือ อีจีอึน) หญิงสาวหัวขบถที่มีความฝันยิ่งใหญ่ แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ใจดีกับเธอเท่าไรนัก ซึ่งนี่คือการกลับมาร่วมงานในฐานะนักแสดงซีรีส์ของพัคโบกอมและไอยูหลังจากที่พวกเขาเคยเจอกันมาก่อนแล้วใน The Producers (2015) 

When Life Gives You Tangerines
When Life Gives You Tangerines

ความน่าสนใจของซีรีส์ When Life Gives You Tangerines เรื่องนี้คือการถ่ายทอดเรื่องราวการเติบโตของชีวิตที่เริ่มต้นตั้งแต่ยุค ค.ศ. 1960 ถึงปัจจุบันใน ค.ศ. 2025 เปรียบได้กับแคปซูลที่บรรจุช่วงเวลาแทบทั้งชีวิตของคนคนหนึ่งให้ผู้ชมได้ร่วมสังเกต เติบโต รับทั้งรสหวาน เปรี้ยว ขมไปพร้อมๆ กับตัวละครผ่านยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านของเกาหลีใต้ นั่นทำให้เส้นเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้มีตั้งแต่รุ่นเด็ก วัยรุ่นจนถึงช่วงอายุ 30 ปี และวัย middle aged ขึ้นไปโดยได้ มุนโซรี และ พัคแฮจุน สองนักแสดงมากความสามารถมาร่วมถ่ายทอดความรักความสัมพันธ์ของแอซุนและกวานชิกในวันวัยที่โตขึ้น

When Life Gives You Tangerines

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเกิดขึ้นบนเกาะเชจูทางตอนใต้ของประเทศเกาหลีใต้ เรื่องนี้จึงมีชื่อเรื่องภาษาเกาหลีว่า 폭싹 속았수다 มีความหมายตามภาษาถิ่นและวัฒนธรรมของเชจูว่า “ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก” โดยทางผู้กำกับ คิมวอนซอก ยกให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการเคารพยกย่องแก่คนรุ่นพ่อแม่และคนยุคก่อน ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสียงเชียร์ถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังฝ่าฟันตามยุคสมัยของตัวเองอยู่ ทั้งนี้ก็ด้วยความหวังที่ว่ากำแพงระหว่างรุ่นและเพศจะทลายลง ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต การฝ่าฟันและความรักที่ถูกบรรจุอยู่ในซีรีส์จำนวน 16 ตอน แบ่งการออกอากาศออกเป็นสี่ชุด สัปดาห์ละ 4 ตอนทาง Netfilx เพื่อให้ผู้ชมได้ซึมซับไปกับฤดูกาลของชีวิตตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว

“สะใภ้ทำกับข้าวหน่อย 

เฮ้ย ขอข้าวฉันหน่อย แม่ ข้าวข้าวข้าว 

หยุดขอข้าวกันสักที

อ๊กชิมเกิดมาทำแต่กับข้าวจนสิ้นลม” 

เพียงแค่กวีบทแรกที่ถูกเขียนขึ้นมาจากหญิงสูงวัยคนหนึ่งในตอนต้นเรื่องก็ปล่อยหมัดฮุกใส่ผู้ชมอย่างจัง ทำให้ภาพฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยดอกคาโนลาสีเหลืองบานเต็มทุ่ง หนุ่มสาวเดินเคียงกันไปตลอดทาง เราคงต้องกอดเก็บไว้ก่อนแล้วคอยเฝ้าดูจนจบว่าช่วงเวลาเบ่งบานที่ว่านี้ของพวกเขาจะเป็นแบบไหน แน่นอนว่า แอซุน และ กวานชิก ไม่ทำให้เราผิดหวัง พวกเขาแทบจะเป็นคู่ที่มีความรักเบ่งบานในหัวใจจนน่าฝันถึงเสียด้วยซ้ำ 

แต่ขึ้นชื่อว่าชีวิตนั้นไม่เคยง่าย ชีวิตของผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่ตามค่านิยมดั้งเดิมของเกาหลีใต้ยิ่งยากกว่า บทกวีของคุณอ๊กชิมในตอนต้นจึงเป็นภาพสะท้อนความคาดหวังในบทบาทของผู้หญิง หรือการถูกให้ค่าด้วยฟังก์ชันที่ถูกเซตให้เป็นแม่บ้านจากรุ่นสู่รุ่น รุ่นแล้วรุ่นเล่า สิ่งนี้ฉายชัดใน 4 ตอนแรก ทั้งความเจ็บปวดใจของ โอแอซุน ที่มองเห็นแม่ของเธอกัดฟันดิ้นรนอย่างไม่มีวันได้พัก ความอดทนของเธอในฐานะลูกสะใภ้ตระกูลยังและความหวงแหนลุกขึ้นสู้ปกป้องสิทธิ์ไม่ให้ลูกสาวอย่าง กึมมยอง ต้องก้าวเข้าไปในวังวนนี้อีกคน 

“ต่อให้ทำทุกอย่างเหมือนกัน

ถ้าผู้ชายทำเรียกว่ากล้าหาญ แต่ถ้าผู้หญิงทำเรียกผิดศีลธรรมไง”

ความเหลื่อมล้ำที่ผู้หญิงอย่างแอซุนต้องเผชิญไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในบ้าน แต่ยังขยายออกมาสู่สังคมในโลกที่เธออยู่ ทั้งตำแหน่งหัวหน้าห้อง รางวัลชนะเลิศจากการประกวดกวี เธอต้องเสียไปให้กับนักเรียนชายเพื่อนร่วมห้อง เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิงและเป็นลูกสาวของชาวประมง 

ในวันที่โดนจับได้หลังจากล่มหัวจมท้ายกับกวานชิกพากันหนีออกจากบ้าน แอซุนก็ยังเป็นเพียงคนเดียวที่โดนตีตราว่าใจแตก มีตำหนิ และโดนไล่ออกจากโรงเรียนข้อหาผิดศีลธรรม ซ้ำร้ายยังต้องกลับมาฟังคำพูดจากผู้หญิงด้วยกันว่าเธอเป็นตัวขัดความก้าวหน้าของคนรัก และจำต้องโดนเมล็ดถั่วแดงที่ย่าของกวานชิกคอยสาดใส่ ตามความเชื่อของคนเกาหลีว่าเมล็ดถั่วแดงสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายและภูตผีปีศาจได้

“ฉันนับถือแกนะ 

พอได้มาอยู่บ้านหลังนี้ ก็รู้สึกนับถือแกขึ้นมา 

ชะตาชีวิตแกไม่ใช่แม่บ้านหรอก 

แต่จิตใจแกคือแม่ของบ้านต่างหาก” 

ข้างต้นคือคำพูดของ มินอ๊ก ภรรยาใหม่ของพ่อเลี้ยงแอซุน คนที่ภายนอกเป็นเหมือนลิ้นกับฟันกับแอซุน แต่ก็ยังนับถือช่วยเหลือกันในฐานะผู้หญิง และมีอิทธิพลต่อกันอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างเช่นแฟชั่นการแต่งกาย เห็นได้จากลุคที่เธอแทบจะลอกเลียนมินอ๊กมาทุกอย่างตั้งแต่หัวจดเท้าในวันที่หนีออกจากบ้าน ซึ่งการแต่งกายก็เป็นอีกสิ่งที่บ่งบอกถึงยุคสมัยได้เป็นอย่างดี 

ในช่วงทศวรรษ 1960 ตรงกับยุคที่เกาหลีใต้มีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจและประเทศให้ทันสมัย ในซีรีส์มีการพูดถึงการรณรงค์ให้ผู้หญิงแต่งกายด้วยชุดเรียบง่ายเพื่อให้มีความคล่องตัวมากขึ้นกว่าชุดประจำชาติ และยังใส่เรื่องฮือฮาในยุคนั้นอย่างกระแสการใส่มินิสเกิร์ตไว้ในฉากหลัง ทั้งเสียงเล่าจากวิทยุและการตีพิมพ์บนหน้าหนังสือพิมพ์ ที่กล่าวถึงกระแสความเสื่อมโทรมของการสวมกระโปรงสั้นเหนือเข่าเผยเรียวขา ซึ่งคนแรกๆ ที่นำกระแสนี้จากตะวันตกมาสู่ความนิยมในเกาหลีใต้คือการปรากฏตัวที่สนามบินของนักร้องสาว ยุนบกฮี ในชุดมินิสเกิร์ตแมตช์กับรองเท้าบูตส์ยาว จนเกิดกระแสมินิสเกิร์ตฟีเวอร์ ไอเท็มแฟชั่นที่ผู้หญิงจะขาดไปไม่ได้ ซึ่งภายหลังภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของ พัคจองฮี ได้มีการออกกฎควบคุมเกี่ยวกับความเหมาะสมของความยาวกระโปรงผู้หญิงรวมถึงความยาวของทรงผมผู้ชายด้วยเช่นกัน

“ฉันอยากให้กึมมยองได้ทำทุกอย่าง 

ได้มีทุกอย่าง ได้เป็นทุกอย่างเลย 

ฉันไม่ยอมให้กึมมยองรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าเด็ดขาด” 

หลังจากช่วงเวลาแห่งเยาว์วัยของแอซุนและกวานชิกได้สิ้นสุดลงพร้อมกับการเกิดขึ้นของสมาชิกใหม่ กึมมยอง ลูกสาวคนโต (ภายหลังรับบทโดย ไอยู) คือความหวังใหม่ที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา กี่บททดสอบกวานชิกและแอซุนยังสู้ทนผ่านไปได้ เว้นแต่สิ่งเดียวที่ยอมไม่ได้เด็ดขาดนั่นคือเรื่องของ กึมมยอง

ทั้งเรื่องจักรยานของกึมมยองที่ถูกย่าสั่งให้นำไปทิ้ง เพราะถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง วงกินข้าวที่ถูกแยกโต๊ะของลูกชาย หลานชายกับฝั่งสะใภ้และหลานสาว การต้องกินข้าวก้นหม้อที่ไม่มีเมล็ดถั่วโรยพูนๆ กับข้าวที่แทบไม่มีเนื้อสัตว์ให้กิน กวานชิกล้างกฎเหล่านั้นคืนกลับมาให้กึมมยองทั้งหมด หลังจากอดทนเงียบมานาน เช่นเดียวกับแอซุนที่ออกปากขอร้องเพียงเรื่องเดียวนั่นคืออยากให้ลูกสาวได้ทำทุกอย่างที่อยากทำเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นคนจัดโต๊ะอาหารและใช้ชีวิตอยู่หน้าเตาไฟเหมือนกับเธอ 

When Life Gives You Tangerines

“แอซุนแต่งงานมาอยู่กับผม

ไม่ได้แต่งมาเป็นสะใภ้บ้านนี้

ต่อไปนี้อย่าคิดแม้แต่จะเจอแอซุนอีก

ผมนี่แหละที่ไม่ให้แอซุนเป็นสะใภ้บ้านหลังนี้” 

ท่ามกลางการดิ้นรนในชีวิต แอซุนยังคงมีกวานชิก พัคโบกอม เปรียบความรักที่กวานชิกมีให้กับแอซุนว่า “กวานซิกเป็นดั่งเกษตรกรที่คอยปลูกดอกไม้ในทุกที่ที่สายตาของแอซุนจะมองไปถึงอย่างเงียบๆ” เขาอยู่ข้างแอซุนมาเสมอ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายที่ขโมยปลาจากบ้านมาให้ เมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนเดียวในบ้านที่ไม่ได้กิน คนที่มานั่งขายกะหล่ำปลีให้เธอทุกวันจนหมดแผง คนที่มานั่งร้องไห้กับเธอในวันที่สูญเสียแม่ไป คนที่ฝันอยากเป็นบุรุษหมายเลข 1 ในวันที่เธอบอกว่าจะเป็นประธานาธิบดี จนถึงวันที่เขาผู้เป็นสามีลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ของเธอและลูกสาวต่อหน้าครอบครัวของตัวเอง 

When Life Gives You Tangerines

แต่ถึงอย่างนั้นแอซุนก็ไม่ได้มีกวานชิกอยู่ฝ่ายเดียว เขาเองก็มีแอซุนที่เป็นเจ้านกหวีดออกโรงปกป้องเมื่อถูกรังแกมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยเหมือนกัน นี่คงเป็นฤดูใบไม้ผลิในแบบของพวกเขาที่มีดอกไม้เบ่งบานอยู่สักแห่งในหัวใจ เหมือนที่ ไอยู ได้ให้นิยามของแอซุนเอาไว้ว่า “แอซุนคือเด็กสาวที่เต็มไปด้วยน้ำตาและเสียงหัวเราะ มีทั้งความขบถและความฝัน แม้เธอจะไม่ได้ครอบครองอะไรมากมาย แต่หัวใจของเธอยังคงเต็มเสมอ เธอโชคดีที่มีกวานชิกเป็นดั่งของขวัญที่เข้ามาในชีวิต” 

นี่เป็นเพียงแค่ฤดูกาลแรกที่ผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยาวนาน เตรียมส่งไม้ต่อให้กับฤดูร้อนที่พวกเขายังคงต้องเติบโตไปพร้อมกับสมาชิกใหม่และฤดูถัดไปที่ไม่รู้จะมีพายุมาเยือนหรือเปล่า แต่ไม่ว่าฤดูกาลไหนที่ผ่านมา กี่เรื่องราวความยากที่ผ่านไป เชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่คอยบอกว่า When Life Gives You Tangerines ขอให้ยิ้มได้ในวันที่ส้มไม่หวาน และคอยแตะบ่าอย่างอบอุ่นว่าคุณทำมันมาได้อย่างดีแล้ว…ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก

อ้างอิง

Fact File

• รับชม When Life Gives You Tangerines ได้ทาง Netflix


Author

สุกฤตา โชติรัตน์
มนุษย์ผู้ค้นพบพลังงานพิเศษจากประโยคในหนังสือ อาหารจานโปรดและเพลงที่ฟัง อยากเลี้ยงแมวและตั้งใจว่าจะออกไปมองท้องฟ้าบ่อยๆ