หุ่นยนต์ลาดตระเวน ความปกติใหม่ รับการกลับมาของ นักช็อปแบบ new normal
- 17 พฤษภาคม 2563 ห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมมาตรการการช็อปแบบ new normal ที่นำเทคโนโลยี หุ่นยนต์มาใช้เพื่อลดการระบาดของเชื้อไวรัส และรองรับ นักช็อปแบบ new normal
- True 5G Security AutoBot เป็นหุ่นยนต์ที่มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างเร่งด่วนในช่วงโควิด-19 เพื่อดักจับอุณหภูมิร่างกายที่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส และผู้ที่ไม่สวมหน้ากาก
ชัดเจนแล้วว่าในบรรดาความปกติใหม่ทั้งมวล (ที่เป็นความไม่ค่อยปกติสำหรับการใช้ชีวิตแบบเก่าๆ เท่าไร) หุ่นยนต์ และ เทคโนโลยี คือสิ่งที่จะเข้ามารองรับกับทุกกิจกรรมการใช้ชีวิต รวมทั้ง นักช็อปแบบ new normal ในยุคโพสต์โควิด-19 อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ซึ่งทุกห้างต่างจัดเต็มทุ่มเงินเรื่องเทคโนโลยีเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และเพิ่มความ social distancing ในการใช้ชีวิตเพื่อต้อนรับการกลับมาของ นักช็อปแบบ new normal
Sarakadee Lite มีโอกาสได้ไปสำรวจพื้นที่ของ สยามพารากอน ซึ่งเตรียมการนำเรื่อง new normal innovative มาใช้แบบจัดเต็มมากสำหรับรองรับ นักช็อปแบบ new normal ตั้งแต่เข้าประตูห้างมาก็ต้องทักทายเครื่องตรวจจับอุณหภูมิแบบสแกนใบหน้าซึ่งถ้าเราลืมสวมหน้ากากมา เจ้าเครื่องนี้ก็จะร้องทักเลยว่า “กรุณาสวมหน้ากากค่ะ”
แต่ไม่ต้องห่วง หากไม่มีหน้ากากก็สามารถกดซื้อหน้ากากได้ทันทีที่ตู้จำหน่ายหน้ากากอัตโนมัติ ซึ่งตู้นี้ก็จัดเต็มเหมือนถุงยังชีพยุคโลกไวรัส ทั้งสเปรย์แอลกอฮอล์ ถุงมือ หน้ากากจากหลากหลายแบรนด์ไทย ศิลปินไทยมาให้เลือกครบจบในตู้เดียว
ยังค่ะคุณยังไม่สามารถเข้าห้างได้จนกว่าจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเป็น e-pass สำหรับเข้าออกห้าง เพื่อให้สามารถนับจำนวนนักช็อปได้อย่างชัดเจน ไม่ให้ประชากรนักช็อปหนาแน่นเกินไปตามมาตรการ social distancing รวมทั้งสามารถวางแผนช็อปปิงตามร้านต่างๆ ได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องไปรอคิวให้ล้นร้าน
ไฮไลต์ในไฮไลต์คือหุ่นยนต์ True 5G Security AutoBot หรือหุ่นยนต์ลาดตระเวน ซึ่งทางสื่อ Time Out กรุงเทพฯ ตั้งฉายาให้อย่างน่ารักว่า สารวัตรนักช็อป เพราะฟังก์ชันของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้คือการเดินลาดตระเวนอย่างอัตโนมัติไปตามมุมต่างๆ ของห้างเพื่อตรวจจับสัญญาณอุณหภูมิร่างกายของนักช็อปทั้งหลาย และตรวจว่าใครเผลอถอดหน้ากากขณะเพลิดเพลินกับการเดินห้าง
True 5G Security AutoBot เป็นหุ่นยนต์ที่มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างด่วนมากๆ ในช่วงโควิด-19 โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง True Digital กับบริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีน หน้าที่ของเจ้าหุ่นยนต์ True 5G Security AutoBot ตัวนี้เปรียบได้กับยามลาดตระเวนหนึ่งคน แต่เป็นยามที่ไม่เคยง่วงนอน ไม่เคยขาดลามาสาย ชาร์จแบตเตอรีเต็มปุ๊บก็เดินลาดตระเวนตามจุดต่างๆ ที่ตั้งโปรแกรมไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 8 ชั่วโมง พร้อมกล้อง 6 ตัวคอยสอดส่องรอบด้าน
เรียกง่ายๆ เลยก็คือเป็นเหมือน cctv ชุดลาดตระเวนที่คอยถ่ายภาพตลอดเวลา โดยกล้องที่ติดไว้ก็มีทั้งกล้องซูมระยะ 30 เมตร และกล้องมุมกว้าง พลัสด้วยกล้องที่คอยจับสัญญาณอุณหภูมิร่างกาย ถ้าใครมีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้จะส่งสัญญาณทันทีไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อให้มาจัดการต่อตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
ไม่เท่านั้นเจ้าหุ่นยนต์ลาดตระเวนตัวนี้ยังสามารถจับคนที่ไม่สวมหน้ากาก และเมื่อเจอก็จะพูดดังๆ อย่างไม่ต้องเกรงใจเลยว่า “กรุณาสวมหน้ากากด้วยค่ะ” และจะพูดจนกว่าคนนั้นจะใส่หน้ากาก แต่ถ้านักช็อปคนไหนตั้งใจเดินหนี เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ก็จะเดินตามไปบอกคุณให้ใส่หน้ากากเรื่อยๆ
ความฉลาดล้ำของเจ้าหุ่นยนต์ True 5G Security AutoBot ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ แต่ยังนำไปปรับใช้กับการวัดค่าฝุ่น PM 2.5 วัดการรั่วไหลของสาร หรือก๊าซที่เป็นอันตรายต่อคน รวมทั้งควันไฟที่จะก่อให้เกิดไฟไหม้ตามมา และนอกจากการจดจำใบหน้าคน True 5G Security AutoBot ยังต่อยอดได้ไปถึงการสำรวจวัตถุอันตรายต่างๆ เช่นที่ สนามบิน เป็นต้น
และนอกจากหุ่นยนต์ลาดตระเวนแล้วทางสยามพารากอนยังมีหุ่นยนต์แม่บ้านที่คอยเดินทำความสะอาดตลอดเวลาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งเรื่องความสะอาดเป็นอีกความจำเป็นในการใช้ชีวิตแบบ new normal มากๆ และแม่บ้านที่เป็นมนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะเดินทำความสะอาดได้ตลอดเวลาอย่างแน่นอน
อีกจุดที่ไม่คิดว่าจะเจอแต่ กลับมีให้บริการคือจุดให้บริการเครื่องฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C สำหรับลูกค้าที่ไม่มั่นใจว่าธนบัตรที่ได้รับ หรือโทรศัพท์ที่ใช้ระหว่างเดินห้างจะมีเชื้อไวรัสติดกลับบ้านไปด้วยรึเปล่า บอกเลยว่า ต่อไปนี้ชีวิตนักช็อปจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป