สุดที่รัก BOOK II : วรรณกรรมเพื่อการ ‘กลาย’ ของ อุทิศ เหมะมูล
Lite

สุดที่รัก BOOK II : วรรณกรรมเพื่อการ ‘กลาย’ ของ อุทิศ เหมะมูล

Focus
  • สุดที่รัก BOOK II นวนิยายลำดับที่ 8 ของนักเขียนสายสร้างสรรค์ อุทิศ เหมะมูล เจ้าของผลงานนวนิยายรางวัลซีไรต์ ลับแล, แก่งคอย และนวนิยาย จุติ ผลงานสร้างชื่อที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษในชื่อ The Fabulist
  • อุทิศได้ขยาย สุดที่รัก BOOK II จากหนังสือวรรณกรรมสู่การเปิดนิทรรศการศิลปะคู่ขนานในชื่อ ประคองไฟ สุดที่รัก ครึ่งทางชีวิต อุทิศ เหมะมูล ขนานไปกับการเปิดตัววรรณกรรม

สุดที่รัก BOOK II นวนิยายลำดับที่ 8 ของนักเขียนสายสร้างสรรค์ อุทิศ เหมะมูล เจ้าของผลงานนวนิยายรางวัลซีไรต์ ลับแล, แก่งคอย และนวนิยาย จุติ ผลงานสร้างชื่อที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษในชื่อ The Fabulist ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เจ้าตลาดระดับโลก Penguin Random House SEA ในเครือ Penguin Books อีกทั้งยังมีผลงานเขียนอีกหลากหลายแนวทั้งเรื่องสั้น บทวิจารณ์ และผลงานแสดงศิลปะจิตรกรรม ชื่อของ อุทิศ เหมะมูล จึงคุ้นหูคุ้นตาเสมอมาในฐานะนักเขียนสายสร้างสรรค์ที่มีเทคนิคกลวิธีการเล่าเรื่องอันซับซ้อนพร้อมแทรกประเด็นร่วมสมัยไว้ให้ขบคิด ในครั้งนี้อุทิศได้กลับมากับหนังสือภาค 2 ที่ยังไม่ออกภาคแรก แต่สามารถอ่านได้เลยเนื่องด้วยการเป็นภาคต่อ และเนื้อหามีความเป็นเอกเทศในชื่อ สุดที่รัก Book II

ในนวนิยายลำดับที่ 8 เล่มนี้ยังคงไม่ทิ้งลายการ แผ่ขยายวรรณกรรม ให้งานเขียนเป็นมากกว่าตัวหนังสือดั่งที่เคยทำมากับโครงการ ร่างของปรารถนา ที่เริ่มจากนวนิยายชีวิตสะท้อนการเมืองที่ขยายสู่หนังสือภาพในชื่อว่าภาพร่างของปรารถนา และฉบับละครเวที ปรารถนา : ภาพเหมือนการเข้าสิง ดัดแปลงโดย โทชิกิ โอกาดะ  และสำหรับ สุดที่รัก BOOK II อุทิศก็ได้ขยายโครงการจากหนังสือวรรณกรรมสู่การเปิดนิทรรศการศิลปะคู่ขนานในชื่อ ประคองไฟ สุดที่รัก ครึ่งทางชีวิต อุทิศ เหมะมูล The Bookroom book & bar ซึ่งจัดแสดงภาพจิตรกรรมและงานกิจกรรมทั้งการเปิดตัวหนังสือไปจนถึงกิจกรรมพูดคุยเสวนาอีกหลายกิจกรรมระหว่างนิทรรศการ ผลงานของอุทิศจึงแสดงให้เห็นการทำงานวรรณกรรมที่ตัวบทแผ่ขยายออกไปนอกรูปเล่มหนังสือได้อย่างน่าสนใจซึ่งการแผ่ขยายนี้ยังสอดคล้องกับเนื้อหาของนวนิยายเล่มนี้อีกด้วย

สุดที่รัก BOOK II

เป็นอื่นใดในประโยคของตนเอง

สุดที่รัก BOOK II ถือเป็นหนังสือเพื่อการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมโยงไปสู่ วัฒนธรรมเพิกถอน (cancel culture) ที่กำลังได้รับความนิยมไนปัจจุบัน หมายถึงการปฏิบัติเชิงรณรงค์เพื่อเพิกถอนประโยชน์ใดๆ แก่ผู้ที่กระทำการอันไม่เป็นที่ยอมรับว่าเป็น “ความถูกต้อง” ไม่ว่าจะเป็นทางการเมืองหรือจารีตปฏิบัติ ซึ่งการ “แบน” หรือ “เซนเซอร์” ทางวัฒนธรรมที่เกิดมาขนานกับกลุ่มวัฒนธรรมทางการเมือง ผู้ตื่น (Woke) กลุ่มคนที่ตระหนักถึงสิทธิและความ “ถูกต้องทางการเมือง” อันสร้างจุดตัดที่เป็น “ความไม่หลากหลาย” ทำให้การสนับสนุนความหลากหลายนั้นเกิดขึ้นขนานไปกับแนวคิดการเซนเซอร์บางส่วนออกไปจากความหลากหลาย จนทำให้ความหลากหลายดังกล่าวย้อนแย้งและสามารถกลายเป็น “ความไม่หลากหลาย” ไปในที่สุด

เช่นในบท “ภูมิทัศน์เลือนตา” อุทิศได้สร้างสถานการณ์ที่ว่าด้วยความซับซ้อนของการพูดในปัจจุบันที่มีกรอบคิดความถูกต้องทางการเมืองจนมาถึงกรอบความถูกต้องทางการแสดงออก ทำให้การแสดงออกของเรามาพร้อมกับวัฒนธรรมสังคมออนไลน์ ที่กระดานของโปรแกรมไม่ว่าจะเป็นรูปแบบรูปภาพหรืออักษรได้กลายเป็นจินตนาการถึงตัวเราในหัวผู้อื่น เช่น หากบุคคลนี้พูดจาขัดกับแนวทางที่ “ถูกต้อง” ของผู้ฟัง ผู้ฟังก็จะจดจำว่าบุคคลนี้เป็นผู้ “ไม่ถูกต้อง” ไปได้นานกว่าเวลาที่บุคคลดังกล่าวพูด  และอาจจะหมายความอย่างนั้นตลอดไป ด้วยวัฒนธรรมที่ทำให้ภาษาของเราเป็น “ของแข็ง” ดังนี้การเสนออะไรต่อสังคมจึงเต็มไปด้วยความระแวงที่จะพูดความในใจอันซื่อตรงออกไป อุทิศแสดงให้เห็นผ่านสถานการณ์ของการวิจารณ์ศิลปะซึ่งตัวละครหนึ่งของบทนี้มีความในใจมากมาย แต่ตัดสินใจพูดไปเพียงว่า “ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ” โดยก่อนที่จะกล่าวคำนี้เธอได้คิดมากมายทั้งสิ่งที่จะพูด ความกลัวที่จะไม่ถูกต้องทางการเมือง ไปจนถึงความกังวลว่าคำพูดไหนจะไปกดทับอีกฝ่ายจนตัดสินใจตัดทุกความคิดให้เหลือเพียงประโยคสั้นๆ ที่แทบจะไร้ความหมาย

หรือในบท “เครื่องราง” เราจะได้เห็นตัวละครที่เปลี่ยนแปลงความคิด ความเชื่อ โดยที่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ตัววัตถุเครื่องรางก็มีความเปลี่ยนแปลงทางความเข้าใจกับตัวละครเช่นกัน และนี่ก็เป็นจุดตัดของการนิยามทั้งการที่ตัวละครจะนิยามวัตถุ และวัตถุเองก็นิยามตัวละครไปพร้อมกัน ความซับซ้อนดังกล่าวที่ยกมาทำให้เห็นถึงกริยา วัตถุ วัฒนธรรมที่มีส่วนในการจำกัดกรอบตัวตนของมนุษย์จนยากจะบอกว่าการกระทำของเรา เป็นผลจากเจตจำนงเสรีของเราเอง จากเดิมขั้วตรงข้ามของเสรีภาพอาจเป็นกฎหมาย จารีตโบราณ หรืออื่นๆ ที่กรอบตัวตนและเสรีภาพจากภายนอก แต่นวนิยายเล่มนี้กลับพาเราถ้ำมองกรอบเสรีภาพของเราจากทั้งภายนอกและภายในที่ปะทะกันอยู่ตลอด เช่น การพูดออกไปเพื่อให้คนฟังรู้สึกรับได้โดยตัดสิ่งที่เราคิดออกไป ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ดูจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่ในนวนิยายเล่มนี้ได้ขยายและสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาแบบนี้มันน่าพูดถึงน่าคิดกับมันให้มากขึ้นว่า สิ่งที่ดูธรรมดาในเชิงความคิดของมันสะท้อนอะไรกับเราบ้าง หรือการกระทำของเราที่มันนิยามเราไปตลอดกาลอันสะท้อนจากวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมันจริงแท้หรือเปล่า คนเราจะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ เราจะนิยามการให้โอกาสกับผู้อื่นอย่างไรได้บ้าง และท้ายสุดตัวเราเองจะยังซื่อสัตย์ในความหลากหลายได้จริงแค่ไหน

สุดที่รัก BOOK II

การกลายไปเป็นอื่นใด

“ฉันเป็นตัวอักษรของเขา เรียกว่าเป็นเจตจำนงจะถูกต้องกว่าเป็นเพียงภาพแทนความประสงค์”

ประโยคจากบทAIR” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดของนวนิยายเล่มนี้ได้เล่าให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างนักเขียนและตัวบทที่ทั้งเชื่อมโยงกันและมีความเป็นตัวตนของตัวเองเมื่อสำเร็จเป็นเล่มหนังสือ และหลังจากนี้เราจะได้เห็นเรื่องราวการกลายสภาพไปเป็นอื่นเรื่อยๆ โดยแทบทุกบทของนวนิยายเล่มนี้เป็นการร้อยเรียงของคนละเรื่อง ที่ไม่ใช่หนึ่งเดียวกันด้วยตัวเรื่อง แต่เป็นเรื่องเดียวกันด้วยตัวเล่ม โดยเฉพาะการที่ปกหนังสือนิยามตัวเองไว้ว่าเป็น “นวนิยาย” ทำให้เห็นว่าตัวหนังสือเองคิดว่าตัวเองเป็นผืนแผ่นเดียวกันมากกว่าจะเป็นการรวมข้อเขียนหรือรวมเรื่องสั้นที่หมายความถึงการรวบหลายเรื่องเอาไว้ การที่ประกาศว่าทั้งหมดคือเรื่องเดียวกันมันโยงไปสู่การอ่านในฐานะเรื่องที่กลายไปเป็นอื่นเรื่อยๆ บนร่างเดียว

นวนิยายเล่มนี้ในฐานะหนังสือหนึ่งเล่มจึงเต็มไปด้วยวิธีการเล่าเรื่องเชิงวรรณกรรมมากมายทั้งความเป็นนิยาย เรื่องสั้น ความเรียง บทกวี จนไปถึงชุดภาพถ่าย ยกตัวอย่างบท “เรา” อันเป็นการใช้เทคนิคแบบบทกวีผสมกับมุมมองคำเชิงภาพ (graphic) ในบท “ฉันคือละออง” เล่าในรูปแบบข้อเขียนสั้นประกอบภาพ และในบท “บานสะพรั่ง” ที่เล่าโดยใช้รูปแบบภาพชุด (photo series) การที่ตัวบทกลายออกนอกข้อเขียนที่ใช้อักษรเป็นสื่อไปสู่การควานหารูปแบบการเล่ามากมายบนกระดาษเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นและนำพาซึ่งความสนุกสนานพร้อมกับความลุ่มลึกอันเป็นการแสดงความมากฝีมือทางชั้นเชิงวรรณกรรมจาก อุทิศ เหมะมูล ด้วยเหตุนี้ สุดที่รัก BOOK II  จึงเป็นวรรณกรรมสร้างสรรค์ที่เขียนในภาษาไทยอีกเล่มที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

Fact File:

สุดที่รัก BOOK II

เขียน : อุทิศ เหมะมูล

สำนักพิมพ์ : จุติ สนพ./Chuti


Author

อชิตพนธิ์ เพียรสุขประเสริฐ
มนุษย์ผู้ตกหลุมรักในการสร้างสรรค์ ภาพ เสียง แสง การเคลื่อนไหว นามธรรม และ การขีดเขียน