มะลิแอนด์เฟรนด์ คาแรคเตอร์แฟมิลีท่องเมือง ไลฟ์สไตล์ความสุขง่ายๆ ที่เราเจอได้ทุกวัน

สุนัขพันธุ์แจ็กรัสเซลล์ที่เลี้ยงในวัยเด็ก แมวจรจัดที่พบเจอ และนกที่แอบมาสร้างรังที่ระเบียงหลังบ้าน เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินไทยและครีเอเตอร์รุ่นใหม่ แอร์-พชรพรรณ ประยูรรัตน สร้างสรรค์คาแรคเตอร์ มะลิแอนด์เฟรนด์ (Mali & Friends) ด้วยลายเส้นเรียบง่ายจากงานภาพพิมพ์เพื่อสื่อถึงความอบอุ่นในครอบครัวและความสุขง่ายๆ ที่สามารถพบเจอได้ทุกวันผ่านการรวมตัวของสามสหายที่ต่างบุคลิกและต่างสายพันธุ์

สุนัขชื่อ มะลิ (Mali) แมวชื่อ พีพ (Pip) และนกชื่อ รัก (Rak) ล้วนมาจากชื่อของดอกไม้สีขาวเพื่อสื่อถึงความเรียบง่าย เป็นกลาง และสามารถนำไปจับคู่กับสีอื่นๆ ได้ ง่ายหากนำไปพัฒนาต่อยอดสำหรับสินค้าและบริการต่างๆ คาแรคเตอร์เพื่อนรักทั้งสามนี้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกในงาน Bangkok Illustration Fair ครั้งที่ 1 พ.ศ 2565 ต่อมาทาง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ชวนเข้าร่วมโครงการ CHANGE : Visual Character Arts และจัดเข้าทำเนียบคาแรคเตอร์ดีไซน์ในเว็บไซต์ของโครงการจนเข้าตาธุรกิจเซรามิกในจังหวัดลำปางและเกิดการทำงานร่วมกันเพื่อทำต้นแบบงานอาร์ตสำหรับสินค้าในอนาคต

มะลิแอนด์เฟรนด์ ยังได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 10 คาแรคเตอร์ไทยที่มีโอกาสต่อยอดไปสู่สินค้าสร้างสรรค์และครีเอทีฟคอนเทนต์ของโครงการและจะได้ไปร่วมออกงาน Thai Expo ที่จัดระหว่างวันที่ 17-18 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยศิลปินจะนำคาแรคเตอร์ดีไซน์และโปรดักส์ลิมิตเต็ด เช่น griptok อะคริลิกคาแรคเตอร์ติดหลังโทรศัพท์ ถุงผ้า และพวงกุญแจ ไปร่วมออกบูทด้วย

จากสลอทแสนเชื่องช้าอารมณ์ดี สู่สามสหายต่างสายพันธุ์ หมา แมว นก

แอร์ได้เริ่มสร้างคาแรคเตอร์ สลอทและสัตว์ต่างๆ ในงานศิลปนิพนธ์ปี 4 ขณะเรียนเอกสาขาภาพพิมพ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโปรเจกต์ที่ชื่อว่า Slow Family โดยมีคาแรคเตอร์สลอทหน้ายิ้ม ตัวกลม พองโต เป็นตัวเอกกำลังทำกิจกรรมต่างๆ ในบ้าน เช่น ทำอาหาร อ่านหนังสือ ดูทีวี ร้องคาราโอเกะ ซึ่งเป็นเรื่องราวแทนความทรงจำของศิลปินในวัยเด็กเมื่อครั้งยังมีครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าและอีกด้านคือสะท้อนภาพบุคลิกของตัวเอง

“รู้สึกว่าเราเป็นคนขี้เกียจและชอบนอน ก็เลยดีไซน์สลอทที่ทำอะไรช้าๆ เป็นสลอทอารมณ์ดีและชอบนอน และตอนที่ทำคอนเซปต์นั้นเพราะว่าพ่อกับแม่แยกทางกันด้วยมั้ง เราก็เลยอยากจะทำเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะชอบตอนที่เราอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและทำกิจกรรมต่างๆ ในบ้านร่วมกัน ฟีลของคาแรคเตอร์สลอทเลยเป็นหน้ายิ้ม เพราะอยากจะสื่อถึงความสุขในครอบครัว ความสุขง่ายๆ ที่เราเจอได้ทุกวัน”

หลังจากจบปริญญาตรี เธอตั้งใจไปหาประสบการณ์ชีวิตที่ต่างประเทศจึงเรียนต่อปริญญาโท สาขา ภาพพิมพ์ ที่มหาวิทยาลัยทามะ อาร์ต ยูนิเวอร์ซิตี (Tama Art University) ในกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น และที่นี่เองคือสารตั้งต้นของคาแรคเตอร์ มะลิแอนด์เฟรนด์

“ตอนเรียนที่ญี่ปุ่น อาจารย์ถามเราว่า ทำไมต้องเป็นตัวสลอท มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เราต้องการจะสื่อถึงครอบครัว เราอยากทำเรื่องที่มีฟีลเหมือน Everyday Happiness ความสุขที่เราเจอได้ทุกวัน นิดๆ หน่อยๆ อย่างแค่ตื่นมากินกาแฟ เราก็แฮปปี้แล้ว เราก็เลยเปลี่ยนสตอรีกว้างขึ้นจากตอนแรกที่เป็นแค่เรื่องในครอบครัวก็เลยได้ออกมาเป็น 3 ตัว มีน้องหมา น้องแมว กับนก เพราะเป็นสัตว์ที่เราเจอในชีวิตประจำวัน หมาเคยเลี้ยง แมวก็เจอ นกก็เจอ ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นเราเคยวิ่งไล่ตามถ่ายรูปนกไว้บ้าง ตอนหลังก็ต่อยอดมาเป็นคาแรคเตอร์ มะลิ พีพ และรัก ในมะลิแอนด์เฟรนด์ ทุกวันนี้ค่ะ”

คาแรคเตอร์เพื่อส่งต่อความหมายของ Everyday Life Happiness

แอร์กล่าวว่าคาแรคเตอร์ มะลิแอนด์เฟรนด์ เล่าเรื่องราวของคนที่มีสตอรีต่างกัน แต่สามารถอยู่ร่วมกันและทำกิจกรรมด้วยกันได้อย่างมีความสุข

“เราไม่ได้อยากจะทำคาแรคเตอร์ตัวเดียวที่เด่นขึ้นมา แต่อยากให้เด่นที่กิจกรรมที่เขาไปทำด้วยกัน เพื่อสื่อถึงความสุขที่พบเจอได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ตอนเช้าแค่พ่อแวะซื้อกาแฟมาให้เราก็แฮปปี้แล้ว เราเดินไปเจอนกกำลังหลบฝนอยู่ก็รู้สึกว่าน่ารักจัง เราก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ มีความสุขได้ ความคิดนี้มาจากข้อสังเกตว่า ช่วงนี้ที่สังคมมันเป็นอะไรที่เร่งรีบ ต้องรีบไปทำงาน ไปทำอะไรตลอดเวลา เราก็เลยอยากจะสื่ออีกด้านหนึ่งที่เราก็มีความสุข สบายๆ กับมันได้นะ” 

ด้วยคอนเซปต์ Everyday Life Happiness และคาแรคเตอร์สีขาวด้วยลายเส้นเรียบง่ายจากงานภาพพิมพ์ แอร์มองว่ามีศักยภาพที่สามารถนำไปต่อยอดสินค้า บริการ หรือคอนเทนต์อื่นๆ ต่อไปได้ไม่ยาก

“เราอยากให้ผู้ประกอบการที่ต้องการนำคาแรคเตอร์ไปใช้ มีแนวคิดที่คล้าย ๆ กันเพื่อที่ว่าจะได้สื่อไปในทางเดียวกัน คาแรคเตอร์ของเราเป็นคาแรคเตอร์ง่ายๆ เข้ากับสตอรีต่างๆ ได้ เราใช้สีขาว เพราะว่าไม่อยากให้เขาเด่นจนเกินไป แต่สามารถเบลนด์อินเข้ากับสีของแบรนด์ต่างๆ ที่ร่วมงานกันได้”

แอร์วางคาแรคเตอร์ให้สุนัขชื่อมะลิเป็นเหมือนหัวโจกและชอบเดินทางไปที่ต่างๆ ส่วนพีพคือแมวที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากหน่อย ส่วนรักที่เป็นนกมีนิสัยโอบอ้อมอารีชอบช่วยเหลือคนอื่น

“แต่ละตัวมีคาแรคเตอร์ที่แบรนด์ต่างๆ สามารถนำไปใช้เพื่อให้เข้ากับภาพลักษณ์ส่วนต่างๆ ของแบรนด์ แต่ถ้าใช้ มะลิแอนด์เฟรนด์ ทั้งสามตัวพร้อมกัน เรามองว่าจะสามารถสื่อถึงเรื่องราวได้มากกว่า เช่น พวกเขาชอบเที่ยวคาเฟ่กันเป็นชีวิตประจำวันก็นำอาจจะไปโปรโมตคาเฟได้ หรือทำเป็นภาชนะเซรามิกของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น แก้วกาแฟ ก็อาจจะเพิ่มความสุขให้คนที่ใช้ได้ มองว่าคาแรคเตอร์จะไปช่วยเสริมโปรดักส์ทำให้คนรู้สึกแฮปปี้กับมันมากขึ้น เป็นอะไรที่นุ่มนวลขึ้น ดูแล้วสบายใจ หรืออาจต่อยอดกับโปรเจกต์ที่ช่วยพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์ได้”

ต่อยอด Business Matching และสร้างโปรดักส์ตอบรับตลาดอาร์ตทอย

โครงการ CHANGE : Visual Character Arts ของ CEA เปิดโอกาสให้แอร์ได้นำคาแรคเตอร์ที่สร้างสรรค์ไปแมตชิงกับธุรกิจ และร่วมกันผลักดันให้เกิดโปรเจกต์ใหม่ๆ แต่ยังมีส่วนที่ต้องเติมเต็มกันต่อไป

“มะลิแอนด์เฟรนด์ได้เจอกับธุรกิจเซรามิกที่ลำปาง แต่เรารู้สึกว่ายังขาดคนกลางแบบเอเจนซีหรือตัวกลางที่จะมาช่วยผลักดันด้านการสร้างคอนเทนต์ร่วมกันระหว่างครีเอเตอร์ คาแรคเตอร์กับธุรกิจ ศิลปินถนัดแค่ในเรื่องการดีไซน์ตัวละคร การทำงานอาร์ตขึ้นมา แต่เราไม่ค่อยถนัดในเรื่องการวางแผนการตลาด การตั้งราคาสินค้า หรือว่าการที่จะนำสินค้าไปแมตชิงกับธุรกิจอื่นๆ หรือด้านการส่งออก แอร์อยากให้มีโครงการที่เป็นจำเพาะเจาะจงมากขึ้น ช่วยผลักดันให้เกิดขึ้น อย่างเช่น ถ้าผู้ประกอบการเขาชอบคาแรคเตอร์ที่เราดีไซน์ และออร์เดอร์มาชัดเจนว่าอยากได้แบบนี้ อยากได้แพ็กเกจแบบนี้ ช่วยทำอาร์ตมาให้หน่อยจะเอาไปใช้กับสินค้าชิ้นนี้ๆ และมีแผนการตลาดชัดเจน มันก็จะไปต่อยอดได้ เรามองว่าคาแรคเตอร์ที่ดังขึ้นมาได้ เพราะเขาเวิร์กกันทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายที่เป็นธุรกิจก็นำคาแรคเตอร์มาใช้ มีโปรดักส์ที่ทำให้คาแรคเตอร์มีสตอรีไปต่อได้”

ในงาน Thai Expo ที่ประเทศญี่ปุ่นกลางเดือนสิงหาคม 2567 นี้ ศิลปินคาดหวังว่าจะสามารถต่อยอด Business Matching หรือขาย Licensing ให้แบรนด์อื่นนำไปทำต่อ พร้อมกันนี้แอร์มีแพลนว่าจะทำอาร์ตทอยเพื่อตอบรับตลาดอาร์ตทอยที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้พร้อมกับเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเอง

“คาแรคเตอร์มะลิมีทำเป็น 3D model ทำไว้บ้างแล้ว เล็งไว้อาจจะทำเป็น Limited Edition แค่ 10-20 ตัว เป็นของสะสม และออกมาเป็นซีรีส์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้จะทำเป็นกล่องสุ่มแบบเป็นร้อยเป็นพันตัว เพราะเราไม่ได้มีกำลังผลิตขนาดนั้น”

“นอกจากนี้ก็อยากเปิดสตูดิโอของตัวเอง อยากทำงานศิลปะภาพพิมพ์ และงานดีไซน์ครีเอตแครักเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ และอยากให้เป็นธุรกิจ มีคนมาซื้อ licensing นำแครักเตอร์ไปต่อยอดเพื่อให้เราเลี้ยงตัวเองและทำงานสายนี้ต่อเนื่องไปได้ค่ะ”

Fact File

• ติดตามผลงานศิลปินได้ทาง Facebook : Eacon 
• ข้อมูลเพิ่มเติม : CHANGE : Visual Character Arts

ขอบคุณสถานที่ : Oh Vacoda & The Fruit Bar Club  โทร. 080-569-7892