Peter Pan & Wendy การกลับมาของ ปีเตอร์ แพน เด็กผู้ปฏิเสธการเติบโตและบทสุดท้ายของ กัปตันฮุก
- Peter Pan & Wendy เป็นภาพยนตร์ในชุด “Peter Pan” ดัดแปลงและตีความใหม่จากต้นฉบับวรรณกรรมเยาวชนของ เจ.เอ็ม. แบร์รี (J.M. Barrie)
- ในฉบับนี้ได้ เดวิด โลเวอร์รี (David Lowery) เจ้าของผลงานอันเป็นที่รู้จักอย่าง A Ghost Story (2017) และ The Green Knight (2021) มารับหน้าที่ผู้กำกับฯ
การผจญภัยของเด็กผู้ปฏิเสธการเติบโตในตำนานนาม ปีเตอร์ แพน กลับมาอีกครั้งใน Peter Pan & Wendy แต่ครั้งนี้พ่วงชื่อ เว็นดี้ เด็กสาววัยกำลังเติบโตและมีแนวคิดเดียวกันมาร่วมการผจญภัยครั้งใหม่และอาจเป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายแห่ง เนเวอร์แลนด์ (Neverland) ฉบับภาพยนตร์ได้วิสัยทัศน์ของ เดวิด โลเวอร์รี (David Lowery) มานั่งแท่นผู้กำกับ ซึ่งที่ผ่านมาโลเวอร์รีถือเป็นผู้กำกับขวัญใจเด็กแนวที่มีผลงานเป็นภาพยนตร์แนวทางน่าสนใจ อย่างหนังผีนิ่งเงียบและลุ่มลึก A Ghost Story (2017) และโด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีกจาก The Green Knight (2021) หนังผจญภัยของอัศวินที่เปี่ยมไปด้วยปริศนาแห่งชีวิต ครั้งนี้มาโลเวอร์รีได้เสกสรรค์ตีความ ปีเตอร์ แพน ที่มีรากฐานตัวละครจากวรรณกรรมต้นฉบับของ เจ.เอ็ม. แบร์รี (J.M. Barrie) โดยต่อยอดทั้งจากตัวบทเดิมเข้าสู่เรื่องราวใหม่ และสร้างบรรยากาศโลกอันอึมครึมจนเด็กๆ อยากหนีไปให้ไกล ส่วนเนเวอร์แลนด์ก็เต็มไปด้วยอันตรายมากขึ้น และแม้จะเป็นมุมมองใหม่ ทว่ายังคงได้ทั้งกลิ่นอายแบบดั้งเดิมที่ผสานกับเอกลักษณ์งานกำกับอันโดดเด่นของโลเวอร์รีเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ
การเติบโต (ที่ไม่อยากโต) ของ เว็นดี้
เรื่องราวของ Peter Pan & Wendy ฉบับภาพยนตร์ภาคนี้เริ่มต้นด้วยโลกที่ ปีเตอร์ แพน เป็นเรื่องเล่าและตำนานอยู่ในใจของเด็กๆ แน่นอนว่าใจของ เว็นดี้ เด็กสาวที่กำลังจะถึงวัยเติบโตก็เช่นกัน เว็นดี้ กังวลและไม่ปรารถนาที่จะเติบโตเหมือน ปีเตอร์ แพน หนำซ้ำเหตุการณ์เปิดเรื่องยังเป็นช่วงเวลาค่ำคืนสุดท้ายที่เธอจะได้เล่นกับน้องชายอีกสองคนในบ้าน ก่อนที่พ่อและแม่จะส่งเธอเข้าโรงเรียนประจำ ค่ำคืนนี้เองที่ เว็นดี้ ได้พบกับเหตุมหัศจรรย์ ด้วยมนต์แห่ง ทิงเกอร์เบล และเด็กชายในตำนานนาม ปีเตอร์ แพน ได้พาเธอเหาะลัดฟ้าข้ามโลกเข้าสู่ เนเวอร์แลนด์ ดินแดนที่เด็กไม่รู้จักโต รวมทั้งเป็นดินแดนที่ กลุ่มเด็กสูญ หรือ The Lost Boys (ที่ภาคนี้ไม่ได้มีแต่เด็กผู้ชาย) อาศัยอยู่กันตามอัธยาศัย และแม้เนเวอร์แลนด์จะเต็มไปจินตนาการความฝันของเด็กๆ แต่ก็ยังคงมีภัยคุกคามใหญ่หลวงจากกองโจรสลัดนำโดย กัปตันฮุก ผู้โหดเหี้ยม อริตลอดกาลของ ปีเตอร์ แพน และเหล่าเด็กสูญ
หนึ่งในความน่าสนใจของภาคนี้อยู่ที่ประเด็นการไม่อยากเติบโตของ เว็นดี้ ที่เริ่มจากฉากการคุยกับแม่โดยแม่ได้ยกตัวอย่างตนเองที่โตมาเป็นผู้ใหญ่ และ เว็นดี้ โต้กลับว่า ถ้าเธอไม่อยากเป็นเหมือนแม่ล่ะ? ต่อด้วยคำถามของแม่ที่ถามเด็กหญิงกลับว่า “กลัวอะไร” ส่วน เว็นดี้ ก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ ว่า “อยากให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม” แม่จึงใช้เหตุผลโต้ตอบเธอว่า
“ลูกตัวใหญ่กว่าเตียงแล้วนะ เราหยุดเวลาไม่ได้ เวลาจะเดินไปเรื่อยๆ ไม่ว่าลูกจะชอบหรือไม่”
ในส่วนการใช้เหตุผลดังกล่าวน่าสนใจมากในการยกประเด็นที่หากใคร่ครวญดูแล้วแม่ใช้เหตุผลหลายแบบในการโน้มน้าวให้ลูกสาวเห็นว่า การเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้นชอบธรรม แต่แท้จริงแล้วทั้งคู่กำลังคุยกันคนละเรื่อง ปัญหาการเติบโตของ เว็นดี้ คือการไม่ได้อยู่บ้านเล่นสนุกกับน้องชายทั้งสอง รวมทั้งการถูกบังคับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมไปอยู่โรงเรียนประจำ ไม่ใช่ประเด็นทางชีวภาพแบบที่ร่างกายต้องเติบโตอย่างที่แม่กำลังเข้าใจ จุดนี้ทำให้เห็นสายตาของ เว็นดี้ ในการมอง “การเติบโต” เทียบกับสายตาของแม่ที่ทื่อตรงไร้จินตนาการ เป็นการมองหนทางการเติบโตแบบที่แม่เคยผ่านมาและในแบบที่ เว็นดี้ ไม่อยากจะเป็น
อีกสิ่งที่สำคัญของฉากนี้คือหลังจากคุยกันที่จบด้วยแม่ร้องเพลง “กล่อม” ให้เว็นดี้นอน เป็นการ กล่อมนอน และ เกลี้ยกล่อม ไปพร้อมกัน ในฉากนี้กล้องจะเคลื่อนจากที่นอนจุดพูดคุยไปยังฉากเมืองใหญ่ที่มีภูมิทัศน์เป็นมหานครอันมืดหม่น แสดงให้เห็นถึงโลกที่ไม่ใช่ของเด็กๆ หรืออย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ที่สำหรับเว็นดี้ เป็นโลกที่อยู่คนละขั้วกับเนเวอร์แลนด์ หมู่เกาะเปี่ยมธรรมชาติสีสันจัดจ้าน และเต็มเป็นด้วยความฝันของวัยเยาว์
ทั้งนี้ก่อนที่เว็นดี้จะร่วมเดินทางไปกับ ปีเตอร์ แพน สู่เนเวอร์แลนด์ มีอีกประเด็นที่น่าคิดคำนึงและย้ำเตือนถึงความแห้งแล้งทางจินตนาการของผู้ใหญ่ที่มักใช้ประสบการณ์ของตนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งโลกที่เต็มไปด้วยคนแห้งแล้งแบบนี้ย่อมมืดมิดทมิฬหม่นแบบที่ฉากเมืองใหญ่กำลังแสดงให้เห็น และโลกแบบนี้นี่เองที่เป็นโลกที่เด็กๆ อย่างเว็นดี้แขยงจนอยากจะหนีออกไปให้ไกล การย้ำเตือนฉากนี้จึงค่อนข้างสะกิดหัวใจของผู้ชมโดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่โตมากับวรรณกรรม ปีเตอร์ แพน ว่าการเติบโตผ่านเวลาจากเด็กจนเป็นผู้ใหญ่นั้นนอกเหนือจากร่างที่เติบโตขึ้นแล้ว ระหว่างทางเรายังสามารถกักเก็บจินตนาการ ความฝันเหมือนอย่างเด็กๆ ในเนเวอร์แลนด์ หรืออย่างที่เราเคยอยากจะเป็นได้ไหม หรือตอนนี้เรากำลังเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รับฟังเสียงหัวใจของลูกๆ ที่ไม่อยากเข้าโรงเรียนประจำ หรือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกอยากหนีให้ไกลจากสังคมมืดหม่นแบบนี้
กัปตันฮุกกับบาดแผลในใจ
สำหรับ ปีเตอร์ แพน นั้นตามเนื้อเรื่องคือผู้พิทักษ์เหล่าเด็กสูญแห่งเนเวอร์แลนด์ แถมยังเป็นหัวหอกคนสำคัญในการสู้รบกับ กัปตันฮุก โดยภาคนี้การต่อสู้ยังคงมีเช่นเคย แต่ที่ต่างออกไปคือวิธีการ การต่อสู้ของเหล่าเด็กสูญและ ปีเตอร์ แพน กับ กองโจรสลัดและกัปตันฮุกมาถึงบทสุดท้ายที่ไม่ใช่การเอาชนะกันด้วยคมดาบหรือปืนใหญ่ แต่กลับเป็นการเห็นใจและขอโทษ โดยในภาพยนตร์ฉบับนี้ได้เล่าเกริ่นถึงช่วงก่อนที่จะเกิดสงครามตลอดกาลของทั้งสองฝั่งว่า แท้จริงแล้วเกิดจากการผิดใจและเกิดปัญหาใหญ่กันระหว่าง ปีเตอร์ แพน และ เจมส์ เด็กสองคนนี้เคยเป็นเพื่อนรักกันจนถึงวันที่แตกคอจน ปีเตอร์ แพน จำต้องขับไล่เจมส์ออกจากเนเวอร์แลนด์ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เจมส์ได้รับการชุบเลี้ยงในกองเรือโจรสลัดและกลับมาล้างแค้นเนเวอร์แลนด์ในนาม…กัปตันฮุก
จากปฐมเหตุแห่งสงครามไล่ล่าตลอดกาลระหว่าง ปีเตอร์ แพน และกัปตันฮุก ทำให้กัปตันฮุกแทบไม่ได้มีชีวิตในแง่มุมอื่นนอกจากไล่ล่า ปีเตอร์ แพน เห็นได้จากฉากที่กัปตันฮุกกำลังจะตกจากเรือโจรสลัด และ ปีเตอร์ แพน ได้ช่วยจับเขาไว้และขอให้เขานึกถึงเรื่องที่มีความสุข สิ่งดีๆ ในชีวิตเพื่อที่จะให้ลอยขึ้นมาด้วยมนต์ตราทิงเกอร์เบล แต่กัปตันฮุกกล่าวก่อนที่จะตกจากเรือว่า “ฉันไม่มีสักเรื่อง” การเติบโตของกัปตันฮุกเดินไปในแบบที่ตนเชื่ออยู่สิ่งเดียวนั่นก็คือการล้างแค้น เขาใช้ชีวิตแบบนั้นตั้งแต่ออกจากเนเวอร์แลนด์ ส่งต่อคำถามชวนให้ผู้ชมได้คิดถึงการเติบโตของตนเองว่าที่ผ่านมาเรามีสิ่งยึดถือแบบกัปตันฮุกหรือไม่ ปัญหาบางอย่างอาจบดบังชีวิตและบีบให้เราไม่สามารถกลับมาทบทวนชีวิตได้เช่นกัปตันฮุก เหมือนอย่างที่กัปตันฮุกหลงใหลในความแค้นจนไม่สามารถนึกถึงความสุขได้อีกต่อไป รวมทั้งลืมไปแล้วว่าตนเองชราลงเรื่อยๆ และท้ายสุดเมื่อสงครามจบลง เวลาชีวิตที่เสียไปนั่นแหละคือราคาที่กัปตันฮุกต้องจ่าย
Peter Pan & Wendy เวอร์ชันนี้จึงไม่ใช่แค่ภาพยนตร์สำหรับเด็กเหมือนอย่างภาพของวรรณกรรม แต่ Peter Pan & Wendy ฉบับนี้ยังทำหน้าที่เสมือนบทสุดท้ายของการผจญภัยทั้งหมดในโลกของเนื้อเรื่องมหากาพย์สงครามเด็กที่ไม่อยากเติบโต ซึ่งค่อยๆ คลี่คลายให้เห็นถึงการเติบโตหลายรูปแบบ ให้ผู้ชมได้ตระหนักคิดในหลายประเด็น ทั้งความแค้นและการให้อภัย เส้นทางชีวิตและอิสรภาพ หรือจะเป็นเรื่องปมชีวิตกับมิตรภาพ เป็นบทสรุปแห่งสงครามที่ไม่ได้จบด้วยชัยชนะบนซากศพ แต่จบด้วยการขอโทษ ยอมรับ ให้อภัย ซึ่งหากเนเวอร์แลนด์หรือโลกแห่งความเป็นจริงของเว็นดี้ ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเธอก็ย่อมไม่น่ากลัวอีกต่อไป
Fact File
- รับชม Peter Pan & Wendy ได้ที่ Disney+ Hotstar