ถอดนาฬิกาส่วนตัวแล้ว Take Your Time ในนิทรรศการครั้งที่ 3 ของ SUNTUR
- Take Your Time คือนิทรรศการครั้งที่ 3 ของ SUNTUR จัดแสดงผลงาน 33 ภาพที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ส่วนตัวและเรื่องราวรอบข้างที่ได้สัมผัสมาตลอด 33 ปี
- อาจจะพูดได้ว่า ครั้งนี้สิ่งที่อยู่ในภาพค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นสิ่งที่ผู้ชมสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้โดยง่าย
ถึง SUNTUR ในวันที่แล้ว
“ขอบคุณตัวเองใน Solo Exhibition ครั้งที่แล้วมากที่ทำเต็มที่ เพราะถ้าวันนั้นไม่ทำเต็มที่ก็จะไม่มีวันนี้แน่นอน”
และใช่…วันนี้เรากำลังอยู่ในนิทรรศการครั้งที่ 3 ของเขา Take Your Time คือนิทรรศการที่จัดแสดงผลงานชุดใหม่ของ SUNTUR หรือ ซันเต๋อ-ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล จัดแสดงผลงาน 33 ภาพที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ส่วนตัวและเรื่องราวรอบข้างที่ได้สัมผัสมาตลอด 33 ปี อาจจะพูดได้ว่า ครั้งนี้สิ่งที่อยู่ในภาพค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นสิ่งที่ผู้ชมสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้โดยง่าย
“จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เป็นตัวเราทั้งหมดทุกงานนะ แต่รอบนี้เรียกว่าลึกที่สุดแล้วกัน งานอื่นๆ ก็จะไปแตะเรื่องความสุข ความเหงา แต่งานนี้เราเอาสิ่งที่อยู่ในใจลึกๆ ออกมา”
คอนเซปต์ครั้งนี้ SUNTUR ให้ความสำคัญกับ “เวลา” ด้วยการชวนทุกคนถอดนาฬิกาชีวิตอันเร่งรีบไว้สักพัก แล้วมาปล่อยใจที่นี่ เริ่มต้นจากอุโมงค์ไทม์แมชชีนบริเวณทางเข้าที่ได้ 4nologue มาร่วมสร้างสรรค์ดิจิทัลอาร์ต 10 ซีนยาวตลอดทางเดิน จากจุดนี้ก็สามารถ Take Time ได้ยาวๆ ร่วม 10 นาทีเลย
ต้องบอกก่อนว่า 33 ภาพ ไม่ได้ไล่เรียงจากอายุ 1-33 ปี แต่เป็นสิ่งที่เขาตกตะกอนในช่วงอายุวัย 33 เหมือนความเข้าใจในชีวิตที่มีทั้งความสุข ความทุกข์ ความทรงจำ และการปล่อยวาง เราแนะนำให้เริ่มเดินจากห้องแรกเข้าไปถึงด้านใน ก่อนที่จะมาจบที่ห้องแรกอีกครั้งกับภาพ Endless Journey ที่อยู่บริเวณทางออก เพราะเป็นภาพที่เหมือนบทสรุปของทุกๆ ภาพที่ผ่านมา
“เราอยากเล่าเรื่องเวลา ตอนที่เล่าคอนเซปต์ให้คนอื่นฟัง เราเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ว่าจะตั้งชื่ออย่างไรดี แต่สรุปกันว่า Take Your Time นี่แหละ เพราะเป็นคำง่ายๆ ที่ทุกคนใช้ เราเลยรู้สึกว่างั้นคุณก็ใช้เวลาของคุณแล้วกันให้เกิดประโยชน์ ผมก็จะใช้เวลาของผมให้มันดีที่สุดเหมือนกัน เลยมาลงตัวที่คำว่า Take Your Time เรารู้สึกชอบเพราะติดปากและเข้าใจง่าย”
ไม่เพียงแต่เอกลักษณ์ความมินิมอลในภาพวาดแฝงเรื่องราวที่หลายคนจดจำ แต่หากใครเคยไปชมนิทรรศการครั้งก่อนๆ น่าจะนึกถึงบรรยากาศที่ผู้ชมต่างพากันหยุดมองเรื่องราวในภาพและใช้เวลาไปกับภาพนั้นๆ ทั้งด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจ สำหรับการจัดแสดงครั้งนี้ SUNTUR ชักชวน จั้ม-ก่อเกียรติ ชาติประเสริฐ Music Composer ในนาม Korky มาร่วมแต่งเพลงให้กับนิทรรศการ โดยใช้ชื่อเพลงว่า Day 1 to end เพลงความยาว 9:23 นาที เล่ามวลความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่เกิดจนถึงวันสุดท้ายที่ตาย หากใครพอมีเวลาในตอนนี้ เราอยากให้ลองเปิดฟัง แต่อยากบอกว่าเดินดูไปด้วย มีเพลงนี้คลออยู่ในฉากหลังไปด้วยคือความอินยิ่งกว่า
จุดที่หลายคนหยุดอยู่นานไม่ต่างจากภาพไหนๆ นั่นคือสุดทางของห้องแรกที่มีกลอนขนาดยาวลงชื่อท้ายชวนสังเกตว่า “พ่อซันเต๋อ” ซึ่งแน่นอนว่าเราคงอดถามถึงที่มานั้นไม่ได้
“เมื่อก่อนพ่อเราชอบเขียนกลอน แต่เราไม่เห็นเขาเขียนมานานมาก วันรวมญาติหรือวันต่างๆ พ่อก็จะแต่งกลอนแล้วไปพูด จนครั้งล่าสุดที่เคยได้ยินคือตอนอาม่าเสีย พ่อเราแต่งกลอนและอ่านในงาน หลังจากนั้นมาพ่อก็ไม่เขียนกลอนอีกเลย งานนี้เราเลยรู้สึกว่าอยากให้พ่อแต่งกลอนเพราะถ้าเราเขียนเองมันจะเป็นมุมมองตื้นๆ ของคนอายุ 33 ปี เราแค่อยากได้มุมมองของคนที่รู้จักเรามากที่สุดแล้วเป็นคนที่อยู่ในวัยที่เขาผ่านอะไรมา ตอนนี้เขาอายุ 60 จะ 70 ปีแล้วเพราะฉะนั้นเราเลยคิดว่ามุมมองของพ่อน่าจะเป็นประโยชน์กับเราและคนที่มาดูงาน เราเลยชวนพ่อมาแต่ง”
หลายครั้งที่ผู้ชมเข้ามาทักทายศิลปิน เรามักได้ยินคำถามว่าชอบรูปไหนอยู่เสมอ ซึ่ง SUNTUR เองก็บอกว่าจริงๆ แล้ว ส่วนที่ชอบที่สุดของการทำนิทรรศการก็คือฟีดแบ็กจากคนดูนี่แหละ ถ้าอย่างนั้นแล้วรูปไหนที่อิมแพ็กกับ SUNTUR เองบ้างล่ะ
“จริงๆ เกือบทุกรูป หมาที่อยู่ในรูปก็เป็นหมาเราจริงๆ ตอนวาดเราก็นึกถึงหมาเราจริงๆ ภาพ See You Soon เราวาดยายกับตา เหมือนกับว่าวันหนึ่งเราจะได้ไปเจอเขาที่สวรรค์ ภาพนี้คือสวรรค์ที่เราคิดขึ้นมาเอง เหมือนเด็กที่นั่งเรือมาแล้ววิ่งมาหาตากับยาย ถ้าเราอยู่ตรงนั้น เราคงเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เพราะว่าเราผูกพันกับยาย จริงๆ กับตาเราไม่เคยเจอหน้าเพราะเขาเสียไปตั้งแต่เรายังเด็กจำความไม่ได้ แต่ยายเราเสียไปตอนที่เพิ่งทำงานเป็น First Jobber ช่วงที่เราหายไปจากยายคือช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ออกไปอยู่หอ เหมือนกับเราทิ้งเขาไปเลย เพราะเราไปมีสังคมใหม่ บางทีก็รู้สึกว่าอยากจะให้เงินเขา อยากจะดูแลเขา แต่เราให้ไม่ทันด้วยซ้ำ”
“มีรูปว่าวลอยอยู่บนฟ้า ชื่อว่า Happiness Won’t Lass Long รูปนี้เหมือนกับว่าไม่มีความสุขอะไรที่ยั่งยืนหรอก มันเหมือนกับชีวิตเราตอนนี้ เรารู้สึกว่าช่วงที่เราขาขึ้น เราเหมือนว่าวติดลม วันหนึ่งถ้าลมหมดว่าวมันก็ต้องหล่นลงมา เราก็ต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้ในสิ่งนี้”
สำหรับใครที่ชมนิทรรศการแล้วอยากเก็บของที่ระลึกจากนิทรรศการ บริเวณ Shop ด้านในมีให้เลือกเก็บสะสมกันตั้งแต่โปสการ์ด แผ่นหอมปรับอากาศ เสื้อยืด และกระเป๋าจาก Mad Matter อีกสิ่งที่น่าสนใจคือการคอลแลปกับ Summer Coffee ออกแบบกาแฟแคปซูลที่ตีความรสชาติมาจากภาพวาด 5 ภาพภายในนิทรรศการ ชิ้นนี้ซันเต๋อเปรียบความขมของกาแฟเป็นเหมือนรสชาติของชีวิตที่แม้จะขมแต่ก็ต้องกิน และเป็นความขมนี่เองที่ทำให้รู้สึกตื่น เลยออกมาเป็นกาแฟแคปซูลแบบที่เห็น
“เราปล่อยวางขึ้นเยอะในวัยนี้ เรารู้สึกเหมือนกันว่าโตขึ้น มองโลกกว้างขึ้น ไม่ได้มองแค่มุมตัวเองแล้ว เราคิดว่าเวลามันจะเชปคน เหมือนตอนเด็กที่เราโตมาก็จะมีอะไรมาเคลือบเราไปเรื่อยๆ พอถึงวัยหนึ่ง สิ่งที่เคลือบมันเริ่มหลุด มันก็จะกลับมาเป็นตัวเรา เราก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราในเวลาที่เชปทุกอย่างถูกแกะออกจะเป็นยังไง เราอาจจะไปรู้อีกทีตอนอายุ 60 ก็ได้ แต่แค่ตอนนี้เปลือกที่เราอยากได้อยากเป็นมันเริ่มหลุดไปแล้ว เรากลับมาโฟกัสที่ความสุขข้างในตัวเองจริงๆ” ซันเต๋อกล่าว
Fact File
- นิทรรศการ Take Your Time จัดแสดงจนถึงวันที่ 23 เมษายน 2566 RCB Galleria 2 ชั้น 2 ริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก เวลา 10:00-20:00 น. (เข้าชมฟรี)
- Facebook : www.facebook.com/suntur.studio
- Instagram : www.instagram.com/suntur